ชาวบ้านผวา มือมืด โปรยตะปูเรือใบเกลื่อนถนน และปาขวดแก้วใส่รถสัญจรผ่านใน อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ล่าสุด ผอ.กองช่าง อบต.นิคมเจอกับตัวเองนำหลักฐานโร่แจ้ง ตร. ชี้เป็นบุคคลอันตรายหากปาโดนหัวอาจถึงแก่ชีวิต เผยที่ผ่านมาโดนรถเสียหายหลายคัน ตร.รู้ตัวคนก่อเหตุแล้วเตรียมนำตัวมาดำเนินคดี
(1 พ.ค.67) นายสมปอง ศรีสง่า อายุ 54 ปี ผอ.กองช่าง องค์การบริหารส่วนตำบลนิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ได้นำหลักฐานตะปูเรือใบเกือบ 100 ดอก และรูปถ่ายบริเวณจุดเกิดเหตุที่มีเศษแก้วแตกกระจายเต็มถนน เข้าแจ้งความที่ สภ.สตึก หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา (30 เม.ย.67) ได้มีคนร้ายซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร ปาขวดแก้วใส่ ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากทำธุระในตัวอำเภอสตึก มาตามถนนลาดยาง ช่วงปากทางเข้าป่าสนรีสอร์ท บริเวณตึก 3 ชั้น ต.นิคม อ.สตึก จำนวน 2 ขวด จนเกือบจะโดนศรีษะ และชาวบ้านที่ขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังมา ก็เกือบจะโดนขวดแก้วด้วยเช่นกัน พอตั้งหลักได้ย้อนกลับไปดูจุดเกิดเหตุเห็นเศษขวดแก้วจำนวนมากแตกกระจายเต็มพื้นที่ถนน คาดว่าคนร้ายน่าจะก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วหลายคน นอกจากเศษขวดแก้วที่คนร้ายปาใส่แล้ว ยังพบตะปูเรือใบจำนวนมากเกลื่อนบริเวณจุดเกิดเหตุด้วย
รุ่งเช้าอีกวันนายสมปอง ผอ.กองช่างฯ ได้ย้อนกลับไปดูที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง ก็ยังเห็นเศษขวดแก้วเต็มพื้นถนน และตะปูเกลื่อน จึงได้เดินเก็บตะปูที่คนร้ายโปรยเอาไว้ตามพื้นถนนได้เกือบ 100 ดอก บางดอกเป็นตะปูเปล่า บางดอกถูกตอกติดกับฝาขวดน้ำ หรือวัสดุบางอย่าง เพื่อนำไปเป็นหลักฐานในการแจ้งความกับตำรวจ
นายสมปอง เล่าว่า ที่ผ่านมาเคยได้ยินแต่ชาวบ้านหลายคนเล่าให้ฟังว่า เวลาขับขี่รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ผ่านบริเวณดังกล่าวจะถูกปาขวดแก้วใส่ บางคันโดนรถได้รับความเสียหาย ก็ไม่คิดว่าจะมาโดนกับตัวเอง การกระทำของบุคคลดังกล่าวถือว่าอันตรายกับประชาชน เพราะเขาจะก่อเหตุโดยที่ไม่ได้เลือกว่าคนที่ขับรถผ่านเป็นใคร และหากปาโดนหัวหรือจุดสำคัญอาจบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตก็เป็นได้
และจากข้อมูลของชาวบ้านที่เคยตกเป็นเหยื่อถูกปาใส่รถเสียหาย และทราบว่าคนที่ทำเป็นใคร เคยมีการแจ้งความและชดใช้ค่าเสียหายกันแล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดก่อเหตุ ส่วนสาเหตุคาดว่าทำไปด้วยความคึกคะนอง ก็อยากฝากเตือนภัยคนที่ขับขี่รถผ่านเส้นทางดังกล่าวได้ระมัดระวัง และอยากให้ตำรวจหาแนวทางป้องกันด้วย ก่อนที่จะมีคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ขณะที่ตำรวจ สภ.สตึก ให้ข้อมูลว่า ทางตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างประสานให้มาพบพนักงานสอบสวน เพื่อทำการสอบปากคำถึงสาเหตุที่กระทำ ก่อนจะเอาผิดตามกฎหมาย