เศรษฐากำชับรมต.ใหม่เร่งสานต่องานรมต.เก่าอย่างเคร่งครัด ยันไม่ได้ปล่อย"พรรคร่วมฯ" ยึดกระทรวงสำคัญ ย้ำบริหารจัดการงานร่วมกัน เผยยังไม่ได้คุย สุทิน ปมแก้ไขร่าง พรบ.กลาโหม สกัดรัฐประหาร  ตั้ง 6 รองนายกฯ ปฏิบัติราชการแทน ภูมิธรรม-สุริยะ-พิชัย ตามลำดับ พร้อมแบ่งงานรองนายกฯ-รมต.สำนักนายกฯ

     ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 พ.ค.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังจากมีการปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 ครั้งแรก ถึงการแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี ว่า ในส่วนของการแบ่งงานได้มอบหมายให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แถลง เนื่องจากมีข้อมูลจำนวนมาก ส่วนการเสนอแนะในการทำงานร่วมกันนั้น ไม่ได้มีการเสนอแนะอะไร เนื่องจากเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันได้มีการพบกันก่อนจะมีการถ่ายรูปหมู่ ซึ่งตนได้บอกไปว่าขอขอบคุณ ครม.ชุดเก่าที่มีการทำงานกันอย่างเคร่งครัด และรัฐมนตรีใหม่เองขอให้ไปดูนโยบายและโครงการต่างๆ ที่รัฐมนตรีท่านเก่าได้ทำไว้ที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน และให้เริ่มดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด โดยไม่ได้มีการพูดคุยอะไรไปมากกว่านี้ 

  ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือน ครม.ชุดใหม่นี้ มีการแบ่งงานให้พรรคร่วมรัฐบาลยึดกระทรวงอย่างเช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเศรษฐา ถึงกับร้อง "โอ้ย..!"  พร้อมกล่าวว่า อย่าไปมองอย่างนั้นเลย ไม่ใช่แบบนั้น เรามองที่ผลงานเป็นหลักมากกว่า ไม่ได้เป็นการยึดกระทรวงหรืออะไร วันนี้เราทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน อย่าไปมองว่าเป็นการยึดกระทรวง หรือยึดอำนาจ ถือเป็นการบริหารจัดการการทำงานร่วมกัน และเชื่อว่าอะไรที่เราบริหารจัดการได้ ลดภาระของพี่น้องประชาชน หรือการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ถือเป็นจุดมุ่งหมายหลักและเป็นแนวทางการทำงานร่วมกัน

 นายเศรษฐา ยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชนกรณีได้พูดคุยกับ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม หรือไม่ เรื่องการเสนอแก้ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงราชการกระทรวงกลาโหม ในเรื่องการสกัดกั้นการรัฐประหาร ว่า ไม่ได้มีการพูดคุยเลย ก่อนหน้านี้ตนได้ลงพื้นที่ไป จ.มหาสารคาม และร้อยเอ็ด แต่บังเอิญนายสุทินติดภารกิจที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งตนอยากสอบถามดูเหมือนกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่เท่าที่ลงพื้นที่ไป จ.มหาสารคาม และร้อยเอ็ด เป็นการเน้นในเรื่องของปัญหาที่มีมานานคือการบริหารจัดการเรื่องน้ำ ภัยแล้ง และพื้นที่ทำกินของพี่น้องประชาชน ซึ่งตนได้สั่งการข้อแรกไป โดยให้หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา และกระทรวงกลาโหม ดูแลในเรื่องดังกล่าว แต่ถ้าหากมีการเจอกันกับนายสุทินคงได้มีการพูดคุยกันในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ ตนยืนยันว่ายังไม่เห็นร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงราชการกระทรวงกลาโหม และยังไม่ได้พูดคุยกับนายสุทินเลย
 

   ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่จุดยืนของนายกรัฐมนตรีพร้อมที่จะสนับสนุนการแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อสกัดกั้นการรัฐประหารใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อะไรที่ไม่ใช่เป็นการกระทำที่ไปสกัดกั้นการส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ผมสนับสนุนเต็มที่ครับ แต่ทั้งนี้ ตนยังไม่ทราบในรายละเอียดของร่างกฎหมายดังกล่าวจากนายสุทิน ที่มีข่าวว่าจะให้อำนาจนายกฯขอความเห็นชอบจาก ครม.เพื่อสกัดกั้นเรื่องดังกล่าว และเมื่อมีการเสนอเข้ามา จะขอดูรายละเอียดก่อน 
 

   ผู้สื่อข่าวถามว่า จะไม่ไปเป็นการกระตุกต่อมกองทัพใช่หรือไม่ ในการเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะตนยังไม่เห็นรายละเอียด แต่ส่วนตัวมีความเชื่อว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับกองทัพ และเชื่อว่ากองทัพเองมีความตั้งใจที่ดีในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เมื่อถามย้ำว่า เท่าที่มีการสัมผัสกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ เป็นทหารที่มีแนวคิดรุ่นใหม่ เปิดกว้างที่จะยอมรับกับการร่างกฎหมายสกัดกั้นการรัฐประหารใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่ารุ่นใหม่รุ่นเก่าคืออะไร แต่เชื่อว่าผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งสี่เหล่าทัพ และปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ได้มีการพูดคุยกันตลอดมา เชื่อว่าทุกท่านฟังเสียงพี่น้องประชาชนเป็นหลัก
 

   ด้าน นางรัดเกล้า อินทวงศ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม. ได้มอบหมายงานให้รองนายกฯรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี รวมถึงกรณีที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่ หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง โดยมีคำสั่งนายกรัฐมนตรี ดังนี้ ในกรณีที่นายกรัฐมนตรี ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ โดยมีรักษาการนายกรัฐมนตรีลำดับดังต่อไปนีั 1.นายภูมิธรรม เวชยชัย 2.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 3.นายพิชัย ชุนหวชิร 4.นายอนุทิน ชาญวีรกูล 5.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ 6.นายพีระพันธุ์ สาลีรีรัฐวิภาค

     ในระหว่างรักษาการแทนนายกรัฐมนตรีจะสั่งการใดผู้รักษาราชการแทน จะสั่งการใดที่เกี่ยวกับการบริหาร บริหารงานบุคคล และการอนุมัติเงินงบประมาณ อันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่น มาตรา 41 และ 48
   

 ด้าน น.ส.เกณิกา อุ่นจิตต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงการแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างๆ ว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย กำกับดูแลกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
   

 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กำกับดูแล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ส่วน นายพิชัย ชุนหวชิร กำกับดูแลกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ


     นายอนุทิน ชาญวีรกูล กำกับดูแลกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ กำกับดูแลกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายพีระพันธุ์ สาลีรีรัฐวิภาค กำกับดูแลกระทรวงพลังงาน กระทรวงยุติธรรม ยกเว้นกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา 
   

 ส่วนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  นายจักรพงษ์ แสงมณี ได้รับมอบหมายให้ดูแลสำนักงบประมาณ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานรัฐบาลพัฒนาดิจิทัล ขณะที่ นายพิชิต ชื่นบาน กำกับดูแลสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา และน.ส.จิราพร สินธุไพร กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค บริษัท อสมท. จำกัด(มหาชน) กองทุนหมู่บ้าน