กอปศ. เล็งลดบทบาท สพฐ. พร้อมเสนอตั้งสถาบันหลักสูตรและการเรียนการสอนและการเรียนรู้แห่งชาติ นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา(กอปศ.) เปิดเผยว่า ในปี 2561 คณะกรรมการอิสระฯ จะเดินหน้าเรื่องการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ในหลายฉบับ ซึ่งเท่าที่ดูกฎหมายที่จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาได้ก่อน คือร่างพ.ร.บ.การอุดมศึกษา ซึ่งได้มีการรับฟังความคิดเห็นและปรับแก้รายละเอียดต่าง ๆ เสร็จเกือบ100% แล้ว รอเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการอิสระฯ ต้นเดือนม.ค.2561 หากไม่มีข้อขัดข้องคาดว่าจะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาได้ภายในกลางเดือน ม.ค.2561 นอกจากนี้ยังมี พ.ร.บ.การปฐมวัยแห่งชาติ พ.ร.บ.โรงเรียนนิติบุคคล และที่สำคัญคือ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้แล้วเสร็จภายในเดือนพ.ค.2561 ทั้งนี้ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ถือว่าเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญมากที่สุดเพราะจะเข้าไปช่วยแก้ปัญหาการจัดการศึกษาในหลายเรื่อง ทั้งคุณภาพการศึกษา การลดความเหลื่อมล้ำ ความสามารถในการแข่งขันของประเทศและแก้ปัญหาธรรมาภิบาล ประธานคณะกรรมการอิสระฯ กล่าวต่อว่า ส่วนการปฏิรูปโครงสร้างนั้น คณะกรรมการอิสระฯ ไม่ได้มีแนวคิดจะปรับโครงสร้าง ศธ. แต่เป้าหมายของการปฏิรูปการศึกษาจะนำไปสู่การปรับโครงสร้าง สิ่งที่เห็นชัดและจำเป็นต้องปรับในเรื่องโครงสร้าง คือ เรื่องการศึกษานอกโรงเรียน ต้องปรับจากการศึกษาในโรงเรียนที่สอบตั้งแต่เด็กเล็ก การขั้นพื้นฐานไปถึงอุดมศึกษา ซึ่งมีคนอยู่ในอยู่ในระบบการศึกษาดังกล่าว ประมาณ 11 ล้านคน แต่ยังมีอีก 40 กว่าล้านคนที่อยู่นอกระบบการศึกษา ที่ต้องให้คนเหล่านี้ได้มีโอกาสทางการศึกษา รวมถึงการศึกษาเพื่อยกระดับฝีมือแรงงาน การศึกษาสำหรับผู้สูงอายุ และการศึกษาสำหรับผู้ที่หลุดออกนอกระบบการศึกษา ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่ดูแลการศึกษานอกระบบของศธ. คือ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.) ซึ่งเป็นหน่วยย่อยที่อยู่ในสำนักงานปลัด ศธ. ดังนั้นจำเป็นต้องยกระดับกศน.ขึ้น ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นยังไม่ได้ข้อสรุป นพ.จรัส กล่าวต่ออีกว่า
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นั้น จะมีขนาดเล็กลง ทั้งนี้คณะกรรมการอิสระฯ ไม่ได้มีแนวคิดจะไปลดขนาดของ สพฐ. แต่การปรับลักษณะงานจะทำให้ภารกิจของ สพฐ.ลดลง
เช่นเมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะอนุกรรมการด้านการเรียนการสอน เสนอให้ปรับสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สพฐ. ออกมาเป็น สถาบันหลักสูตรและการเรียนการสอนและการเรียนรู้แห่งชาติ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลหลักสูตรการเรียนการสอนครอบคลุมทุกระดับการศึกษา ทั้ง สพฐ., สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และ กศน. ทั้งนี้ คณะกรรมการอิสระฯ เห็นด้วยในหลักการที่จะมีการจัดตั้งสถาบันหลักสูตรฯ ดังกล่าว อีกทั้งเมื่อโรงเรียนมีอิสระเป็นนิติบุคคลมากขึ้น สพฐ.จะมีงานน้อยลง ภารกิจต่าง ๆ ก็จะลดน้อยลงไปด้วย ขณะเดียวกัน สอศ.เองก็จำเป็นต้องปรับเพื่อให้เด็กที่เรียนอาชีวะเป็นแรงงานฝีมือชั้นสูง อย่างแรกที่ต้องปรับคือ สาขาวิชา ที่ต้องตรงกับความต้องการของประเทศ มีความทันสมัยตรงกับเทคโนโลยีในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว "ทั้งหมดนี้จะไปอยู่ใน พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่จะเป็นเหมือนธรรมนูญทางการศึกษา ที่แปลย่อยมาจากรัฐธรรมนูญ การปฏิรูปรูปครั้งนี้ไม่ใช่การปฏิรูปการศึกษาในระบบเท่านั้น เป็นการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ ต่างจากการปฏิรูปครั้งที่ผ่านมาคือ เราไม่ไปมุ่งที่เรื่องโครงสร้าง แต่เป็นการปฏิรูปจากตัวเด็กขึ้นมาเพื่อให้การจัดการศึกษาเกิดคุณภาพอย่างแท้จริง"นพ.จรัสกล่าว