วันที่ 12 มี.ค.2567 นายนพดล ปัทมะ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการวิพากษ์วิจารณ์การเดินทางไปต่างประเทศของนายกฯบ่อยและประเทศไม่ได้ประโยชน์ว่า อยากให้คนวิจารณ์ด้วยใจเป็นธรรม และบนข้อเท็จจริง ส่วนตัวเห็นว่าผลงานที่เด่นของรัฐบาลนี้น่าจะเป็นเรื่องด้านต่างประเทศโดยเฉพาะการไปเจรจาเปิดตลาด ดึงนักลงทุนที่เป็นบริษัทชั้นนำเกือบทั่วโลก รวมทั้งโปรโมทซอฟต์พาวเวอร์ให้กับสินค้าไทย  ที่เห็นว่าอาจเดินทางบ่อยเนื่องจาก 1.การเดินทางไปหลายประเทศนั้นเป็นกำหนดการประชุมที่มีกำหนดล่วงหน้าแต่ละปีอยู่แล้ว เช่นการเดินทางไปประชุมยูเอ็นที่นิวยอร์ก การไปประชุมอาเซียน-ญี่ปุ่น หรือการไปประชุมอาเซียน-ออสเตรเลีย ซึ่งผู้นำเกือบทุกประเทศเดินทางไปร่วม ถ้าไทยไม่ไปจะเป็นเรื่องที่แปลก นอกจากนั้นมีธรรมเนียมว่าทุกครั้งที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้าบริหารประเทศก็จะต้องเดินทางไปแนะนำตัวเองและเจรจาเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่าย เช่นที่เดินทางไปจีน ลาว กัมพูชาสิงคโปร์ และเยอรมัน ฝรั่งเศส เป็นต้น

ประธานกมธ.ต่างประเทศ กล่าวต่อว่า  2.การเดินทางไปเจรจากับรัฐบาลรวมทั้งพบปะนักธุรกิจประเทศต่างๆไม่ใช่เรื่องง่ายที่สักแต่ทำไปให้พ้นๆ แต่ต้องทำงานหนักเพราะต้องอ่านแฟ้มเอกสารและเตรียมประเด็นเจรจา ในฐานะที่เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตนเข้าใจขั้นตอนและความยากลำบากในการเตรียมการของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรีเองที่จะต้องเป็นผู้ดำเนินการเจรจาเอง  และ 3. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันนั้นอาจจะต้องใช้เวลาอยู่บ้าง งานด้านต่างประเทศไม่ใช่การปลูกหญ้าที่เจ็ดวันเขียว แต่เป็นเหมือนการปลูกไม้ยืนต้นที่เป็นการวางรากฐานและใช้เวลาตามสมควร แต่ถ้าวางรากฐานและทิศทางให้ถูกต้อง ก็เชื่อมั่นว่าการเจรจาและกระชับความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆจะผลิดอกออกผลในไม่ช้าและบางเรื่องไม่ต้องรอถึงสามปีหรือครบเทอมรัฐบาล เช่นยกเลิกวีซ่า เราน่าจะทยอยได้เห็นผลสำเร็จในการทำงานของนายกฯ ทราบว่าบริษัทยักษ์ใหญ่บางรายก็เริ่มที่จะเข้ามาสำรวจความเป็นไปได้ในประเทศไทยแล้ว

“การวิจารณ์ผู้นำนั้นทำได้ แต่ควรอยู่บนข้อเท็จจริง  ที่มีการด้อยค่าว่าการไปต่างประเทศเหมือนเป็นแมลงวันที่บินไปบินมาไม่มีผลงานอะไรนั้นไม่เป็นธรรม ตนเชื่อในความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ที่ตั้งใจสร้างโอกาสให้กับไทยในเวทีโลกเพราะถ้าจะหาความเพลิดเพลินจากการเดินทางไปต่างประเทศ ท่านเคยเป็นนักธุรกิจก็เคยท่องเที่ยวไปเกือบทั่วโลกอยู่แล้ว ขอติดตามผลสำเร็จที่จะตามมา ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน”นายนพดล กล่าว