นายกฯ สักการะย่าโมเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนลงพื้นที่โคราช พร้อมรับพร-สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สส.แห่รับเพียบ "สมศักดิ์" ปัดข่าว ครม.ขัดแย้งโครงการ "โคแสนล้าน" ย้ำชาวบ้านซื้อวัวเอง รัฐไม่ได้แจก ขณะที่ "นิด้าโพล" เผย "พิธา" นำโด่งคะแนนนิยม ทิ้ง "เศรษฐา" รั้งอันดับ 3

 เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 24 มี.ค.67 ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี โดยนายกฯเดินทางด้วยรถ Toyota Alphard สีดำ ทะเบียน 8 กผ 1127 กรุงเทพมหานคร โดยได้สวมใส่เสื้อเสื้อเชิ้ตผ้าขาวม้า ฝ้ายหมักโคลน จาก อ.คอนสรรค์ จ.ชัยภูมิ โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจรมว.คมนาคม นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ 
       
 นอกจากนี้ยังมี นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้าในฐานะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนากล้า สส.จากพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคเพื่อไทย 12 คน และพรรคภูมิใจไทย 1 คน ผู้ว่าราชการจังหวัด ส่วนราชการ ข้าราชการท้องถิ่นมาต้อนรับ

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่มาถึงนายกฯ วางพานบายศรีพานพุ่ม พร้อมจุดธูปเทียนสักการะ โปรยข้าวตอกดอกไม้ โดยพราหมณ์สวดคาถาชุมนุมเทวดา กระทำพิธีบวงสรวงสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี

 ทั้งนี้ พระครูวรนายกสิทธาคม ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร ได้มอบพระมหาคณปติศรีคเณศประทานพร องค์จำลองหน้าตัก 5 นิ้ว ประทับภายในซุ้มวงโค้งตกแต่งลายกระหนกใบไม้ม้วน ปลายกรอบซุ้มสลักรูปมกรคายนาคสามเศียร ให้แก่นายกฯ พร้อมช่อพระพิฆเนศ 9 องค์ 9 ทัพ 

 โดยพระครูวรนายก กล่าวกับนายกฯขณะมอบพระพิฆเนศว่าขออนุญาตมอบให้ท่านมีแต่ความสำเร็จ ให้มีความเจริญ รุ่งเรือง ก่อนมอบเหรียญ  หลวงปู่ศรี ซึ่งเป็นเกจิลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ซึ่งมีพุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย ก่อนให้นายกฯโน้มตัวลงมาเพื่อเหน็บเหรียญให้ยังเป๋าเสื้อ พร้อมกับมอบตะกรุดย่าโม พร้อมผูกสายสิญจน์ข้อมือและประพรมน้ำมนต์ ก่อนที่จะรับมอบเหรียญหลวงพ่อคูณ ปี 08  และเครื่องรางฝากไปให้นายกฯ และภริยาตั้งยังโต๊ะทำงาน
 
จากนั้นนายกฯ ได้โปรยข้าวตอกดอกไม้ยังครึ่งบวงสรวงบริเวณด้านหน้าท้าวสุรนารี ก่อนที่จะถ่ายรูปร่วมกันกับหน่วยงานราชการและส.สในพื้นที่
 
ส่วนทางด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงประเด็นภายหลังที่คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบหลักการโครงการโคแสนล้าน และมีการนำประเด็นการถกเถียงในที่ประชุม มานำเสนอ ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่การคัดค้านโครงการ หรือ มีความขัดแย้งอะไร แต่มีความต้องการให้ชาวบ้านได้หาวัวเอง ไม่ใช่การให้รัฐบาลไปซื้อวัวแจกประชาชน ซึ่งในข้อเท็จจริงแนวทางของโครงการโคแสนล้าน ที่ตั้งไว้แต่ต้น คือ รัฐบาลสนับสนุนให้ธนาคารของรัฐปล่อยเงินกู้ 5,000 ล้านบาท ให้แก่สมาชิกกองทุนหมู่บ้าน 100,000 ครัวเรือน การกู้ครัวเรือนละ 50,000 บาท โดยผู้กู้ต้องหาซื้อวัวด้วยตัวเอง ไม่ใช่หน่วยงานรัฐเป็นคนจัดหา หากทำอย่างนั้นอาจเกิดครหาการทุจริตได้ แต่การเปิดโอกาสให้ชาวบ้านหาวัวเองนั้นเขาจะใส่ใจตั้งแต่กระบวนการหาซื้อ เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง

 ผมขอยืนยันว่าโครงการโคแสนล้าน ดีไซน์มาเพื่อประชาชน พยายามคิดตั้งแต่ต้นว่าสมาชิกกองทุนหมู่บ้านที่เป็น ประชาชน เกษตรกร จะได้ประโยชน์สูงสุดอย่างไร ข้อครหาต่างๆต้องไม่เกิดขึ้น เกษตรกรต้องมีรายได้เสริม และเรื่องนี้รัฐบาลก็เดินหน้ามาตลอด ทั้งการหาตลาดจากต่างประเทศ ซึ่งเวลานี้ก็คืบหน้าไปมาก และโครงการโคแสนล้านนี้ ก็บอกได้ชัดแล้วว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ ท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญต่อพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก และอยากให้อยู่ดีกินดีขึ้น รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

 นายสมศักดิ์ ยังระบุอีกว่า เวลานี้โครงการใกล้สำเร็จแล้ว ขอให้รออีกอึดใจเดียว เพื่อให้กระทรวงการคลัง ร่วมกับ กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณารายละเอียดของแนวทางการดำเนินโครงการนี้ในประเด็นต่าง ๆ ให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจนและเหมาะสม เช่น อัตราดอกเบี้ยที่รัฐต้องรับภาระชดเชย กรอบวงเงินงบประมาณที่ต้องใช้สำหรับการดำเนินโครงการ และการกำหนดระยะเวลาที่เกษตรกร จะต้องชำระเงินกู้ให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่เกษตรกร จะคืนทุนจากการเลี้ยงโค เป็นต้น โดยส่วนตัวเชื่อว่า จะใช้เวลาไม่นาน เพราะทุกหน่วยงานทราบดีว่า โครงการโคแสนล้าน เป็นสิ่งที่สมาชิกกองทุนหมู่บ้าน กว่า 13 ล้านคน เฝ้ารออยู่

 ขณะที่ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 1/2567 ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 11-13 มีนาคม 2567 

 จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 42.75 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ มีความกล้าหาญ ตรงไปตรงมา บุคลิกเป็นผู้นำ และเป็นคนรุ่นใหม่ อันดับ 2 ร้อยละ 20.05 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 3 ร้อยละ 17.75 ระบุว่าเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน (พรรคเพื่อไทย) เพราะ เป็นคนเก่ง มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจ อันดับ 4 ร้อยละ 6.00 ระบุว่าเป็น นางสาวแพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ มีทัศนคติที่ดี และมีความเป็นผู้นำ อันดับ 5 ร้อยละ 3.55 ระบุว่าเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) เพราะ มีวิสัยทัศน์ดี ซื่อสัตย์ มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์ในการทำงาน อันดับ 6 ร้อยละ 2.90 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะ เป็นบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือ ทำงานด้วยความโปร่งใส และมีประสบการณ์ในการทำงาน อันดับ 7 ร้อยละ 1.45 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ มีความมุ่งมั่นในการทำงาน ซื่อสัตย์ และมีความเด็ดขาดในการตัดสินใจ อันดับ 8 ร้อยละ 1.05 ระบุว่าเป็น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) เพราะ มีประสบการณ์ในการทำงาน และมีผลงานทางการเมือง ร้อยละ 2.45 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ นายชัยธวัช ตุลาธน (พรรคก้าวไกล) นายวราวุธ ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นายชวน หลีกภัย (พรรคประชาธิปัตย์) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน (พรรคประชาธิปัตย์) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) นายกรณ์ จาติกวณิช นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) และ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง (พรรคประชาชาติ) และร้อยละ 2.05 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

 ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 48.45 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 2 ร้อยละ 22.10 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 12.75 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 4 ร้อยละ 5.10 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 5 ร้อยละ 3.50 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 6 ร้อยละ 2.30 ระบุว่าเป็นพรรคพลังประชารัฐ อันดับ 7 ร้อยละ 1.70 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 8 ร้อยละ 1.30 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย และร้อยละ 1.40 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อไทยรวมพลัง และพรรคท้องถิ่นไทย และไม่ตอบ/ไม่สนใจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน