จากกรณีเกิดเหตุอุกอาจกลุ่มผู้ก่อเหตุรัวยิงคู่กรณีหน้าร้านเหล้า ภายในหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ  เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 14 มี.ค.67 และหลังเกิดเหตุได้พากันขับรถเบนซ์และรถโตโยต้ายาริสหลบหนีไป ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ 3 คน คือ นายธนู หรือตี๋ อายุ 29 ปี ถูกยิงเข้าที่ช่องท้อง 3 นัด หลังเกิดเหตุรถกู้ชีพได้นำส่งโรงพยาบาลแล้วเสียชีวิตในเวลาต่อมา นายวรุฒ และ น.ส.ภัทราวดี ถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บที่ขาและแขน นอกจากนี้ยังพบว่า มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 1 นาย โดยได้รับเจ็บถูกกระจกบาด ขณะเกิดเหตุชุลมุน นั้น

ล่าสุด ทีมข่าวลงพื้นห้างสรรพสินค้าที่เกิดเหตุ ถนนบรมราชชนนี พบว่า เปิดให้บริการตามปกติ และมีพนักงานรักษาความปลอดภัย คอยเดินตรวจตราอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุอุกอาจขึ้นภายในห้างสรรพสินค้า ขณะที่จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณชั้น 1 ของโครงการ ตรงหน้าร้านเหล้า ซึ่งหลังเกิดเหตุทางห้างสรรพสินค้าที่เกิดเหตุ ได้มีการล้างทำความสะอาดบริเวณจุดเกิดเหตุแล้ว

ขณะที่ข้อมูลทางการสืบสวน พบว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาตี 1.49 น. โดยก่อนเกิดเหตุนายธนู คนตาย กับเพื่อนอีกคน ได้มานั่งดื่มกินกันอยู่ภายในร้าน หลังจากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุ 3 คน ก็ได้เข้ามาเที่ยวเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่ต่อมาได้เกิดเขม่นกันเรื่องผู้หญิง เพราะไปชนแก้วกับผู้หญิงคนเดียวกัน จึงทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันภายในร้าน ถึงขั้นการ์ดของร้านต้องเข้ามาห้ามปราม แล้วปิดร้านทันที จากนั้นทางร้านก็ได้ทยอยเคลียร์ลูกค้าออกทีละกลุ่ม โดยตอนนั้นภายในร้านมีลูกค้าอยู่ 4 โต๊ะ เมื่อกลุ่มผู้ก่อเหตุออกมาแล้วเห็นคู่กรณียังยืนอยู่หน้าร้าน คิดว่ารอที่จะมีเรื่อง 1 ในนั้นจึงได้วิ่งไปหยิบปืนในรถมายิงใส่จำนวน 5 นัด ลักษณะยิงรัว จนคู่กรณีล้มลงจมกองเลือด และมีวัยรุ่นที่มาเที่ยวถูกลูกหลง 2 คน จากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุก็ได้พากันขับรถหลบหนี ขับรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน กทม. และรถโตโยต้ายาริส ทะเบียน กทม. หลบหนี 

หลังเกิดเหตุตำรวจสน.บางยี่ขัน และกองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบ ปลอกกระสุนขนาด 9 มม. ตกอยู่จำนวน 5 ปลอก 

ความคืบหน้าทางคดีพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน ได้เรียกสอบพยานหลายปาก ทั้งผู้จัดการร้าน พนักงาน รวมทั้งผู้บาดเจ็บที่ถูกลูกหลง 2 คน ขณะที่ญาติผู้เสียชีวิตได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการด้านเอกสาร สำหรับรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาในวันพรุ่งนี้

ด้านนายจรูญ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี พ่อของนายธนู คนตาย ร่ำไห้ฝากถึงตำรวจ ขอให้ไปลากคอกลุ่มก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งตัวเองเชื่อว่าตำรวจไทยเก่งและมีความสามารถจะต้องจับกุมคนร้ายได้แน่นอน แล้วจะต้องไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลต่างๆ แต่ถ้าหากว่าตำรวจจับคนร้ายไม่ได้ “ผมจะจัดการเอง” แล้วถึงเวลานั้นก็จะมาว่ากันไม่ได้

พ่อคนตาย บอกว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อคืนนี้ ตัวเองไม่ทราบว่าลูกชายออกไปเที่ยว และก็ไม่ทราบว่าไปร้านนี้เป็นประจำหรือไม่ แต่เท่าที่รู้สาเหตุเกิดจาก การที่ลูกชายไปเที่ยวกับเพื่อนอีกคนที่ร้านดังกล่าว แล้วเพื่อนได้ไปชนแก้วกับผู้หญิงที่นั่งอีกโต๊ะนึง เมื่อกลุ่มผู้ก่อเหตุเห็นก็เกิดความไม่พอใจ ซึ่งต่อมาเพื่อนของลูกชายก็ได้เข้าไปขอโทษกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว แต่จู่ๆ กลุ่มนั้นก็ยังไปหยิบปืนเอามายิงลูกชายจนเสียชีวิต

ด้าน น.ส.ภัทราวดี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ที่ถูกลูกหลงกระสุนเข้าที่ขา เป็นแผลลึกเกือบถึงกระดูก เย็บ 7 เข็ม ระบุว่า ตัวเองไปเที่ยวกันกับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงประมาณ 5-6 คน โดยมาเที่ยวที่นี่ครั้งแรก และไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ 

น.ส.ภัทราวดี บอกว่า ก่อนเกิดเหตุตัวเองกับเพื่อนอีกคนได้เดินออกมาถ่ายรูปข้างร้าน จากนั้นก็มีเสียงปืนดังรัวหลายนัด เพื่อนจึงตะโกนบอกให้หลบ แล้วได้พากันวิ่งออกไปทางลานจอดรถด้านข้าง ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ว่าตัวเองถูกยิง กระทั่งไปถึงลานจอดรถแล้วพบว่าเลือดไหลอาบขา จากนั้นเพื่อนจึงรีบไปเอารถมาพาส่งโรงพยาบาล แล้วก็ได้พบเจอกับผู้ชายอีกคนที่ถูกลูกหลงยิงเข้าที่ขาเช่นกัน ทั้งนี้ ก่อนจะมีการยิงกันเกิดขึ้น ตัวเองไม่ทราบเลยว่า มีเหตุทะเลาะกันในร้านมาก่อน เพราะคนเยอะมาก และมีเสียงเพลงดัง โดยเพิ่งมาทราบภายหลังจากถูกยิงแล้ว