วันที่ 15 มี.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ภรรยาและพี่สาวของนายธนู ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ยิงกันบริเวณสถานบันเทิงย่านปิ่นเกล้า เดินทางมายัง สน.บางยี่ขัน เพื่อขอเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมประกอบการรับศพและติดตามความคืบหน้าทางคดี 

โดยพี่สาวผู้เสียชีวิตระบุว่า เมื่อช่วงเวลาตีหนึ่งครึ่งของวันเกิดเหตุ ผู้เสียชีวิตได้โทรมาหาตน เพื่อขอให้พี่เขยซึ่งก็คือแฟนของตนไปหาที่ร้าน โดยระบุว่าเพื่อนของผู้ตายนั้นมีเรื่องและเขารู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงก่อนเกิดเหตุ น้ำเสียงของผู้ตายก็เป็นปกติ แต่ที่ผ่านมาผู้ตายไม่เคยโทรมาจะในลักษณะแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนก็ตาม เท่าที่ตนทราบ ผู้ตายออกจากบ้านตอน 23.30 แล้วไปกับเพื่อนแค่ 2 คน 

อย่างไรก็ตาม ผู้ตายไม่ได้ระบุว่าได้รับอันตรายอย่างไร บอกเพียงแค่ว่า เพื่อนผู้ตายถูกรุม เลยรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ซึ่งหลังจากโทรมาเสร็จ แฟนของตนหรือพี่เขยของผู้ตายก็เดินทางออกไปหาทันที แต่ยังไม่ทันเล่าอะไรให้แฟนของตนฟัง ก็ถูกยิงทันที 

ทั้งนี้แฟนของตนเล่าให้ฟังว่า ก่อนลั่นไกสังหาร เหมือนผู้ก่อเหตุตะโกนอะไรสักอย่าง แต่จำไม่ได้ อย่างไรก็ตาม แฟนของตนไม่สะดวกใจที่จะให้ข่าวใด ๆ แก่สื่อมวลชน เพราะยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 

พี่สาวผู้ตายยังระบุเพิ่มเติมว่า น้องชายเป็นคนรักเพื่อนรักฝูง เวลาเพื่อนมีเรื่องอะไรจะคอยช่วยเหลือตลอด ซึ่งจากวงจรปิดจะเห็นว่า ผู้เสียชีวิตได้พยายามที่จะพูดคุยกับการ์ด ก็เพื่อที่จะช่วยเคลียร์ให้เรื่องนี้จบ เพราะน้องชายไม่ใช่คนที่หาเรื่องใครและไม่เคยมีเจตนาที่จะไปทำร้ายใคร 

ด้านภรรยาของนายธนู ผู้เสียชีวิต เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า อยากให้ทางตำรวจจับคนร้ายได้โดยเร็ว เพราะทราบว่าเพิ่งออกหมายจับไป ซึ่งต่อให้ผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลอย่างไร พวกตนก็ไม่สนใจ ไม่ยอมแพ้และยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด 

โดยภรรยาผู้ตายยืนยันกับสื่อว่า แฟนตนเองไม่ใช่คนชนแก้วตามที่ปรากฎในข่าว แต่คาดว่าน่าจะไปช่วยเพื่อนที่ทะเลาะกัน เพราะนายธนูเป็นรักเพื่อนและชอบช่วยเหลือเพื่อนฝูง โดยหลังจากนี้จะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดหนองแขมต่อไป 

ต่อมาเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเดินทางมายัง สน.บางยี่ขัน เพื่อตรวจสอบเก็บ รอยนิ้วมือและรวบรวมพยานหลักฐาน ภายในรถ Mercedes Benz สีดำ 5 ประตู ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมบริเวณหน้าสถานบันเทิงย่านปิ่นเกล้า