เศรษฐาไม่แคร์ควงทักษิณ เศรษฐาเผยมีโอกาสได้ลงพื้นที่พร้อม "ทักษิณ ไม่สนกระแส นายกฯ ซ้อน ยันอำนาจใต้รธน.เต็ม พิธาสวนกลับ ทักษิณ ปมประเทศวิกฤตเหมือนยุคŽต้มยำกุ้งŽ ยันสถานการณ์ไม่เหมือนกัน ลั่นปัญหาเศรษฐกิจอย่าวัดกันแค่ จีดีพี เตือนรัฐบาลระวังจ่ายยาผิด ครูมานิตย์ ซัด พิธาไร้มารยาทลงพื้นที่วันเดียวกับอดีตนายกฯ ชี้ต้องมีวุฒิภาวะหากอยากเป็นนายกฯ    

 ที่โรงแรมอนันตรา เชียงใหม่รีสอร์ท เมื่อวันที่ 17 มี.ค.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงเป้าประสงค์การจัดประชุมคณะรัฐมนตรีจังหวัดพะเยา ว่า ยังไม่มีอะไรพิเศษ เป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ธรรมดา และดูเรื่องของพื้นที่โดยมีการลงพื้นที่เพื่อดูว่าทางพื้นที่มีความต้องการอะไร อย่างที่บอกเป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่จะเดินทางลงพื้นที่ในทุกๆภาคและเวียนไปตามจังหวัดต่างๆ      ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้เดินทางลงพื้นที่ตลอด ยังยืนยันว่าจากนี้ไปก็จะลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังคงจะลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพราะจากนี้ต่อไปจนถึงกลางเดือนพ.ค. ตนไม่มีกำหนดการที่จะต้องเดินทางไปต่างประเทศเลย ซึ่งจะลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยสัปดาห์หน้าวันที่ 23 มี.ค. จะเดินทางไปจ.พิจิตร และวันที่ 24 มี.ค.จะไปโคราช ก็มีอย่างต่อเนื่อง  

   เมื่อถามว่า จะได้เห็นภาพนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่คู่กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ เพราะเวลานายทักษิณ ลงพื้นที่ดูเหมือนประชาชนจะมาให้การต้อนรับ และปฏิเสธไม่ได้ว่านายทักษิณ เป็นเนื้อหนึ่งสำคัญของพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า อ๋อ แน่นอนท่านเป็นผู้ก่อตั้งพรรคเพื่อไทยมา และเป็นจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทยด้วย และเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีความเป็นป๊อบปูล่าสูงมาก ผมพูดไปหนที่ 10 แล้ว ตรงนี้ผมเชื่อว่าถ้าเราไม่ดึงท่านมาช่วยตรงนี้ประเทศไทยก็จะไม่ได้ประโยชน์เต็มที่ แต่ส่วนที่นัดกันไปหรือเปล่า ยังไม่ได้นัด แต่ถามว่ามีโอกาสเป็นไปได้ไหม มีโอกาสอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนไหนก็ตามที อดีตนายกรัฐมนตรีคนไหนที่อยากจะลงพื้นที่ด้วยผมก็ยินดีŽ นายเศรษฐา กล่าว  

   เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีเคยพูดว่าเห็นนายทักษิณลงพื้นที่แล้วประชาชนมีรอยยิ้ม ซึ่งทำให้สังคมเข้มแข็ง จึงอยากรู้ว่านายกรัฐมนตรีมีแนวคิดหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยตรงนี้ แต่อย่างที่บอกทุกๆรอยยิ้มเป็นกำลังใจในการทำงาน และเป็นอะไรที่ตนอยากเห็นบนใบหน้าของพี่น้องประชาชนในทุกๆที่ ที่ไป ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ทำให้เกิดรอยยิ้มก็ตามที เมื่อถามว่า ไม่สนคำพูดหรือสิ่งที่มองว่ามีนายกรัฐมนตรีทับซ้อนใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า ไม่เคยคิดเลยครับŽ และว่า ไม่เคยมีประเด็นตรงนี้ เราก็ทราบดีอยู่ว่าอดีตนายกรัฐมนตรีหลายๆ ท่านมีความนิยมชมชอบสูง และตนเชื่ออย่างหนึ่งจะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีจากพรรคไหนก็ตามที ทุกท่านมีความหวังดีกับประเทศชาติ จะวิธีการคิดหรือนโยบายต่างๆ ก็มีความแตกต่างกันไป      

  วันนี้ผมเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ตรงนี้ ผมก็ต้องบริหารความคาดหวังของพี่น้องประชาชนทุกคนอดีตนายกรัฐมนตรีก็เป็นหนึ่งในประชาชนคนหนึ่งเหมือนกัน ผมเชื่อว่ามีความหวังดี แต่ในส่วนที่มีความเป็นไปได้ในข้อแนะนำหรือเปล่า เราก็ต้องมาดูในการบริหารจัดการทางราชการ ดูในเรื่องของงบประมาณและความเหมาะสมที่จะถูกจับออกมา ไม่ได้คิดอะไรครับ ยินดีรับฟังเสมอŽนายเศรษฐา กล่าว      เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีคิดจะขจัดคำนี้หรือไม่ ที่ถูกมองว่ามีนายกรัฐมนตรี 2 คน นายเศรษฐากล่าวว่า โอ๊ยผมไม่มีความคิดที่จะขจัดหรอกครับ จะมี 2 คน 3 คน 4 คน 5 คน ผมไม่ได้ใส่ใจตรงนี้ มันไม่ได้เป็นคอรัปชั่น หรือไร้ประสิทธิภาพในการทำงานที่มันต้องขจัด แต่เรื่องข้อวิจารณ์นี้ประเทศเราเป็นประเทศที่มีสิทธิเสรีภาพในการพูดได้ อยู่ภายใต้กฎหมาย ฉะนั้นตรงนี้ถ้าอยากจะพูดก็แสดงว่าเป็นข้อที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจ หน้าที่ของผมก็ต้องตอบ และหน้าที่ผมก็ต้องบริหารราชการแผ่นดินต่อไปเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิดเดียว ไม่ได้เป็นการบั่นทอนกำลังใจเลย และไม่ได้รำคาญที่จะตอบด้วย พรุ่งนี้ท่านถามอีกผมก็ตอบอีก ไม่ได้ว่าอะไรเลย      

ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนนายกรัฐมนตรีจะตอบเก่งมากขึ้น นายเศรษฐา(หัวเราะ) พร้อมกล่าวย้ำว่า ไม่ได้ตอบเก่งมากขึ้น มันออกจากใจ มันคือความจริง ตนไม่รู้จะตอบยังไง ของพันนี้ท่านถามอย่างไรตนก็ตอบเหมือนเดิมทุกอย่าง เรื่องการวิจารณ์ก็เป็นเรื่องธรรมดาทั้งเชิงบวกเชิงลบ สิ่งที่ลบถ้าสามารถแก้ไขได้ก็แก้ไข เมื่อถามว่า แต่การวิจารณ์มองไปถึงอำนาจการตัดสินใจด้วย ตรงนี้ยังยืนยันหรือไม่ว่าอำนาจยังอยู่ที่ตัวนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา กล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงความมั่นใจว่า ยืนยันครับผม นายเศรษฐา ทวีสิน คือนายกรัฐมนตรีและมีอำนาจในการตัดสินใจอย่างเต็มที่ภายใต้รัฐธรรมนูญของราชอาณาจักรไทย    

 เมื่อถามว่า ช่วงสงกรานต์นายกรัฐมนตรีจะมาเล่นน้ำสงกรานต์ที่จ.เชียงใหม่กับนายทักษิณ หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ได้มาเชียงใหม่แน่นอน การเดินทางลงพื้นที่ช่วงนั้นจะมีที่จ.ราชบุรี เพชรบุรี และหัวหิน หากจะเล่นน้ำก็คงเล่นอยู่แถวนั้น คงไม่มาเชียงใหม่แน่นอน บอกไว้ก่อนเลยว่าไปหัวหิน      ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุวิกฤตของประเทศไทยตอนนี้หนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 จะเป็นตัวเร่งให้รัฐบาลเร่งผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ทเร็วขึ้นหรือไม่ ทั้งที่ยังไม่มีที่มาของเงินชัดเจน ว่า คำว่าเศรษฐกิจไม่ดีมีหลายระดับ ตั้งแต่เศรษฐกิจซึม จนถึงเศรษฐกิจแบบวิกฤตเช่นเหตุการณ์ต้มยำกุ้ง วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ หรือวิกฤตโควิด มีนิยามวิกฤตเหล่านี้ในระดับสากลอยู่ เพราะวิกฤตเศรษฐกิจ และการเงิน เกี่ยวข้องกันทั่วโลกอยู่แล้ว แล้วจะมีนิยามออกมาว่าวิกฤตไหน GDP ต้องถอยเท่าไหร่งานวิจัยต้องหายเท่าไร หรือค่าเงินต้องหายเท่าไหร่ ข้อมูลเหล่านี้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเคยเล่าให้ฟังแล้ว      ขณะนี้เศรษฐกิจไม่ดี โตช้าจริง และการฟื้นฟูหลังจากผ่านสถานการณ์โควิด-19 ก็ยังช้าและแย่มากเป็นอันดับท้ายๆ ของโลก แต่สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาโครงสร้างทั้งหมด ไม่ใช่ว่าวิกฤตแล้วเศรษฐกิจหายไป 20 เปอร์เซนต์ หรือตลาดหุ้นหายไปเกินครึ่งเหมือนตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง หรือค่าเงินบาทปรับเป็น 50 บาทจาก 25 บาท ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกันแล้ว พอสถานการณ์ไม่เหมือนกัน เราดันไปบอกว่าเหมือนกัน เราจ่ายยาผิดทันทีนะ คุณจะจ่ายยาผิด เพราะคุณวินิจฉัยอาการผิดตอนนี้เศรษฐกิจมันซึม แล้วมันซึมยาว ซึมยาวมาเป็นปี และซึมมาเป็น 10 ปี แต่ปัญหาโครงสร้างในการส่งออกยังเหมือนเดิม เรื่องเกี่ยวกับภาคการผลิตยังเหมือนเดิม       นายพิธากล่าวว่า ปีนี้งบประมาณล่าช้า แต่ยังรู้สึกว่าเมื่องบประมาณผ่านแล้วภาครัฐตั้งใจที่จะอัดโครงการที่เป็นประโยชน์ออกไปจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่สัมมนาหรือซื้อผ้าม่าน มีการอัดฉีดลงทุนในโครงสร้างเข้าไป ก็จะทำให้ GDP โตขึ้น แต่สำคัญที่สุดที่อยากจะชวนรัฐบาลหรือนายทักษิณด้วยคือเวลาวัดเศรษฐกิจ ถ้าวัดผิดก็จะเป็นเข็มทิศที่ผิด ถ้าไปวัดแค่ GDP ว่าโตเท่าไหร่ มันไม่ได้วัดความเหลื่อมล้ำ จึงอยากขอให้ลองหาตัววัดเศรษฐกิจใหม่ๆ ในการดูแล เช่น การเพิ่มมูลค่าของเศรษฐกิจตอนนี้เป็นอย่างไร หรือการวัดความร่ำรวยของประชาชน (GDP per capita) ไม่ได้ดูแค่ระดับประเทศ แต่ดูระดับในจังหวัด ก็จะทำให้บริหารจัดการได้ง่ายขึ้น เพราะเราเชื่อว่าไม่ใช่เป็นการบริหารเศรษฐกิจแบบน้ำหยดอย่างที่เคยชิน แต่เป็นการบริหารเศรษฐกิจแบบฐานรากขึ้นมา จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตและเท่าเทียม    

 ผู้สื่อข่าวถามว่า วิธีแก้ไขเฉพาะหน้าที่จะรวดเร็วที่สุดที่จะเป็นทางออกให้กับประเทศคืออะไร นายพิธา กล่าวว่า ในตอนนี้ต้องลงรายละเอียดในเรื่องที่เปราะบางที่เกิดขึ้นเช่น เรื่องการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน เป็นเรื่องสำคัญจะต้องเร่งผ่านงบประมาณให้เศรษฐกิจเดินต่อ, เรื่องภาคการผลิตมีปัญหา โดยเฉพาะภาค SME ก็ต้องหามาตรการที่ลดต้นทุนใน SME ลดค่าไฟ ลดค่าวัตถุดิบ สามารถทำให้ SME สามารถเข้าถึงเวทีโลกได้ เรื่องการเกษตรต่างๆ แม้ผลผลิตจากราคาสูงขึ้น แต่ต้องเข้าไปดูว่าเรามีผลผลิตพอหรือไม่ บางเรื่องราคาลงขึ้นมาเพราะมีการแอบนำเข้า เช่น การนำเข้าปลากะพงจากมาเลเซีย ทำให้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำลง ดังนั้นต้องมีหลายมาตรการเข้าไปแก้ไข    

  ที่สำคัญที่สุดคือต้องมี Road Map ให้เห็นว่าจะทำอะไร เมื่อไหร่ คนที่จะเข้าไปช่วย คนที่จะเข้าไปตรวจสอบ ต้องไปตรวจสอบใคร แต่ในขณะนี้ถ้าไม่มีอะไรนอกจากดิจิทัลวอลเล็ตมันก็เถียงกันในเรื่องแบบนี้ตลอดเวลา ภาพใหญ่กลายเป็นการโต้กันไปโต้กันมา มันไม่สามารถจะแนะนำอะไรไปได้มากกว่าที่ทำอยู่ แต่ถ้ามีแผนอย่างชัดเจนก็น่าจะทำได้

นายพิธา กล่าว      ด้าน นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเดินทางมาจ.เชียงใหม่ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ถูกหลายคนออกมาตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการวัดพลังกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาจ.เชียงใหม่ในช่วงเดียวกัน ว่า นายพิธาเป็นคนไม่ปกติอยู่แล้ว เป็นนักมายากลที่สามารถทำได้และแสดงได้ทุกเรื่อง ผลที่ได้เป็นแบบไหนเขาไม่ได้ประเมิน แต่อะไรที่เป็นโอกาสของเขาเขาก็ไม่ซีเรียส    

  นายครูมานิตย์ กล่าวว่า นายพิธาไม่ได้ประเมินถึงเรื่องมารยาท ความเหมาะความควร สังเกตได้จากพฤติกรรมที่ผ่านมา หลายเรื่องเขาสามารถทำอะไรก็ได้ ส่วนที่เจ้าตัวออกมาบอกว่ามาเชียงใหม่เพื่อประชาชนไม่ได้คิดเรื่องคะแนนเสียงนั้น ประเทศไทยมีอีก76จังหวัด ทำไมไม่ไป ถ้าดูเรื่องมารยาทไปวันหลังก็ได้ แต่เรื่องการเมืองมันต้องคำนึงถึงมารยาท ประเทศนี้ทุกคนมีสิทธิไปไหนก็ได้ แต่เรื่องมารยาทางการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ ทำให้คนมองเลยไปถึงเรื่องวุฒิภาวะ ตนยังเสียดาย หนึ่งคะแนนที่ยกมือให้นายพิธาเป็นนายกฯ ในการโหวตนายกฯครั้งแรก ท้ายที่สุดเขาต้องใช้เวลาศึกษามารยาททางการเมืองอีกนาน เพราะเป้าหมายการเป็นนายกฯ ต้องมีวุฒิภาวะ มากกว่านี้      

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีโอกาสเจอนายทักษิณแล้วหรือยัง นายครูมานิตย์ กล่าวว่า ตั้งแต่นายทักษิณได้รับการพักโทษมาพักรักษาตัวที่บ้านพัก ตนยังไม่มีโอกาสได้พบ เนื่องจากต้องการให้ท่านได้พักฟื้นให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงดีก่อน แต่จากการเห็นนายทักษิณ กลับไปเยี่ยมบ้านที่จ.เชียงใหม่ เห็นว่าร่างกายเริ่มฟื้นตัว หลังจากนี้จะสอบถามไปยัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่านายทักษิณจะพร้อมให้เข้าพบหรือไม่ เพราะตนอยากเข้าไปเยี่ยมเยือนคนที่ตนเคารพนับถือ คนที่ให้โอกาสตนได้เป็นผู้แทนฯตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ท่านเป็นคนที่มีพระคุณ เพราะตามวัฒนธรรมไทยเรื่องความกตัญญูเป็นเรื่องสำคัญจึงอยากเข้าไปคารวะ      นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวถึงคำสัมภาษณ์ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่กล่าวถึงการตั้งข้อสงสัยว่าป่วยจริงหรือไม่ เป็นเรื่องดราม่า ไม่ชอบหน้าก็ต่างคนต่างอยู่  ว่า  หลักการสำคัญของเรื่องนี้คือการตรวจสอบท้วงติง การดำเนินการที่ไม่ชอบมาพากลของปลายทางกระบวนการยุติธรรม เพราะประเทศนี้ปกครองด้วยกฎหมาย ฉะนั้นความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายมีความสำคัญ ไม่ได้มีการขัดแย้งกับคุณทักษิณเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่การไม่ชอบหน้ากันแล้วมาสร้างเรื่องดราม่าอย่างที่ให้สัมภาษณ์ แต่คนที่คิดเพื่อบ้านเมืองเขาขัดแย้งกับการกระทำที่ไม่ถูกต้องต่างหาก    

    การที่บอกว่าไม่ชอบหน้าก็ต่างคนต่างอยู่ คงไม่ใช่หรอก เพราะถ้าต่างคนต่างเห็นด้วยกับความไม่ถูกต้อง เห็นด้วยกับการไม่เคารพหลักกฎหมายแล้วบ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร ก็ต้องมีการตรวจสอบท้วงติงตามครรลองในระบบประชาธิปไตย ที่นี่ประเทศไทยไม่ใช่บริษัทของคุณทักษิณ อย่ามุ่งเห็นแต่อำนาจ ถ้าการเลือกตั้งเพื่อหวังแต่เพียงอำนาจมีเสียงข้างมากแล้วจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ เพราะสิ่งนั้นไม่ใช่ประชาธิปไตย การตรวจสอบท้วงติงในเรื่องนี้ นายทักษิณคงไม่ต้องกังวลอะไรเพราะคนที่ต้องตอบคำถามถูกตรวจสอบคือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่มีหน้าที่รับผิดชอบตามกฎหมายอยู่แล้ว และสุดท้ายรัฐบาลก็หนีความรับผิดชอบไม่ได้" นายราเมศ กล่าวและว่า ขณะนี้ขอท้าว่าถ้าคิดว่ามีอำนาจในประเทศนี้แล้วจะทำอะไรก็ได้ ก็ให้ทำทุกอย่างไปให้สุด ไม่ต้องคิดว่าหลักการความถูกต้องเป็นอย่างไร       นายสุระ เตชะทัต เลขาธิการพรรคพลังบูรพา กล่าวถึงกระแสข่าว นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เตรียมปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในเร็ววันนี้ ว่า การจะปรับหรือไม่ปรับครม.เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี โดยตรง รัฐบาลทำงานมากว่า 6 เดือน มีทั้งเสียงวิจารณ์และชื่นชมในผลงานที่ออกมา แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน การจะปรับครม.ช่วงไหน เวลาใด กี่ตำแหน่ง ใครบ้าง ผู้ที่วิจารณ์คงจะไปตอบแทนนายกฯไม่ได้ เพราะนายกฯ ที่ได้ทำงานร่วมกับ รัฐมนตรีมาระยะหนึ่ง น่าจะรู้ดีที่สุดโดยทั่วไปการปรับครม. จุดประสงค์ ก็เพื่อให้เป็นไปตามความเหมาะสม นำคนที่มีความรู้ ความสามารถ เข้าไปเสริมทัพการทำงานรัฐบาลให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในการรับใช้ประเทศชาติ ประชาชน      นายสุระ ยังกล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้ คงไม่ไปก้าวล่วง เพียงแต่มองในมิติของผู้มีประสบการณ์การบริหารประเทศ คนที่มีความรู้ ความสามารถ เคยเป็นผู้นำ มีพรรคพวกเพื่อนฝูง นักการเมือง นักธุรกิจ บุคคลสำคัญในต่างประเทศอีกมาก หากนำความรู้ ความสามารถ คำปรึกษาของนายทักษิณมาปรับใช้ในรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน ได้ จะเกิดผลดีมากกว่า นายเศรษฐา ยังเคยระบุ พร้อมรับฟังคำแนะนำจาก อดีตนายกรัฐมนตรีทุกคน รวมทั้งคำแนะนำจากทุกฝ่าย เพื่อทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับบ้านเมือง ในอนาคตวันข้างหน้า ทิศทางการเมืองของนายทักษิณ จะเป็นอย่างไร ตนไม่ทราบ เพียงแต่เห็นว่า นายทักษิณเป็นคนมีความรู้ เคยเป็นผู้นำ มีประสบการณ์ทางการบริหารมาก่อน ถ้าให้คำแนะนำรัฐบาลตามบทบาทที่นายทักษิณถนัด จะเกิดประโยชน์กับประเทศอย่างมหาศาล