พีร์ พงศ์พิพัฒนพันธุ์ แทบไม่น่าเชื่อว่านโยบายต่างด้าวของโดนัลด์ ทรัมป์ ตามที่เขาเคยสัญญาไว้เมื่อตอนหาเสียงได้ ปลายปีที่แล้วกลับมาหลอกหลอนบรรดาโรบินฮู้ดทั่วอเมริกาเอาในตอนนี้ นับว่าเร็วเกินคาด ตามดีกรีแห่งความบ้า (ดังที่กูรูด้านต่างประเทศของไทยให้ฉายา) ของประธานาธิบดีคนปัจจุบันจากพรรครีพับลิกัน แห่งสหรัฐอเมริกา หมายความว่า ทรัมป์พยายามรักษาสัญญาของเขาที่ให้ไว้กับประชาชนแม้ในช่วงการทำงานยังไม่ครบปีแรกในทำเนียบขาวก็ตาม โดยที่เขามีเวลาในการทำงานที่วอชิงตันดีซีนานถึง 4 ปี และอาจต่ออีก 4 ปีเป็น 8 ปี ถ้าประชาชนชาวอเมริกันพอใจในผลงาน ซึ่งนี่ก็เป็นไปตามมาตรฐานการเมืองอเมริกัน หาใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใดไม่ เรื่องใหม่ก็คือ เรื่องที่พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันทำไม่ได้มาก่อน เพราะทั้งสองพรรคต่างใช้พลเมืองต่างด้าวในอเมริกาเป็นฐานในการสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคมาทุกครั้งในทุกการเลือกตั้งใหญ่ๆ ของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีหรือการเลือกตั้งสมาชิกคองเกรสทั้งบนและล่าง โดยมีกลุ่มการเมืองสนับสนุนสิทธิของโรบินฮู้ดในอเมริกาเป็นกลุ่มเป็นก้อนอย่างชัดเจน หลังจากยุค 90 ที่ประเดิมด้วย “แคมเปญซานโฮเซ่” หลังจากแคมเปญซานโฮเซ่ (แคลิฟอร์เนียภาคเหนือ) ในช่วงเวลาดังกล่าว ขบวนการแนวเสรีประชาธิปไตยเพื่อสนับสนับสนุนกลุ่มโรบินฮู้ดก็ดำเนินการจัดกิจกรรมส่งเสริมความเป็นอิสระ ปลดแอกโรบินฮู้ดในอเมริกามาทุกปีอย่างต่อเนื่อง ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง ถงกับลงทุนเดินขบวนบนถนนของเมืองสำคัญๆ ในอเมริกากันทุกปี ไม่รวมถึงการ ล็อบบี้ทางการเมืองที่กระทำกันอย่างโจ่งแจ้งมาตลอด โรบินฮู้ด ที่หมายถึง กลุ่มคนเข้าเมืองอเมริกาอย่างผิดกฎหมาย หรือกลุ่มแรงงานเถื่อน(undocumented workers/ illegal workers) ในอเมริกาซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 11 ล้านคน จำนวนมากที่สุดเป็นคนเชื้อสายลาติโน หรือที่คนไทยในอเมริกาชอบเรียก “ไอ้แม็ก” ความจริงแล้ว แรงงานเหล่านี้ก็ไม่ได้มาจากประเทศเม็กซิโกประเทศเดียว แต่มาจากทุกประเทศในแถบลาตินอเมริกาหรืออเมริกากลาง (ส่วนใหญ่พูดภาษาสเปน) วันนี้แรงงานลาติโนเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วอเมริกา กลมกลืนกับแทบทุกอณูธุรกิจของอเมริกัน อย่างยากยิ่งที่ประวัติศาสตร์อเมริกาที่เริ่มต้นจากผู้อพยพผิวขาวจากยุโรปจะหวนคืนให้ได้เห็น เพราะเป็นแรงงานที่ผู้ประกอบการชาวอเมริกันก็ชอบ ในเมื่อเป็นแรงงานราคาถูกและไม่เรื่องมากสั่งซ้ายหันขวาหันโดยไม่โต้แย้ง ไม่เหมือนแรงงานอเมริกันที่ผู้ประกอบการหรือนายทุนอเมริกันต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน(ด้านแรงงาน)อเมริกัน โดยเฉพาะการจ่ายค่าแรงที่เป็นประเด็นสำคัญ แรงงานอย่าง “ไอ้แม็ก” ไม่แคร์เลย พูดไปมันก็เหมือนเหตุผลที่นายทุนไทยชอบแรงงานพม่า ลาว กัมพูชานั่นล่ะ!! ด้วยเหตุนี้ความคิดเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวในอเมริกาจึงแตกออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายแรกคือ ฝ่ายเสรีนิยม สนับสนุนให้รัฐอเมริกันปลดแอกแรงานงานเถื่อนหรือโรบินฮู้ดให้เป็นไทซะ เพราะเป็นแรงงานราคาถูกที่มีประโยชน์ในการรับใช้ธุรกิจและคนอเมริกันมานานปี ถ้าไม่มีแรงงานเหล่านี้ ต้นทุนของธุรกิจอเมริกันก็จะสูงกว่านี้ แข่งขันสู้ประเทศอื่นไม่ได้ วิธีการในการปลดแอกฯ ก็ต้องว่ากันอีกที นับตั้งแต่การนิรโทษกรรมจนกระทั่งถึงการพยายามดันแรงงานเถื่อนเหล่านี้เข้าระบบเข้าสู่ระบบกฎหมายอเมริกัน ได้ใบเขียว จนถึงขั้นแปลงสัญชาติ ขณะที่อีกฝ่าย คือ ฝ่ายอนุรักษ์นิยม มองว่า แรงงานเถื่อนเหล่านี้ทำให้สถานะการเงินการคลังของรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นวิกฤต เพราะเป็นพวกชอบใช้สวัสดิการของรัฐ ทำงานไม่คุ้มค่ากับที่รัฐต้องจ่ายสวัสดิการให้ นอกเหนือไปจากก่อให้เกิดภัยด้านความมั่นคงในประเทศจากอาชญากรรมและยาเสพติด โดยฐานของความเป็นนักอนุรักษ์นิยมและเข้าถึงหัวอกหัวใจคนอเมริกัน ทรัมป์เข้าใจดีว่า ชาวอเมริกันจำนวนมากหวาดวิตกต่อสภาพอันวิกฤตของแรงงานเถื่อนมากเพียงใด เขาประกาศเป็นนโยบายในการหาเสียงอย่างชัดเจนว่า ไม่ยินดีต้อนรับแรงงานเถื่อนหรือโรบินฮู้ด จนส่งผลให้สัมพันธภาพระหว่างอเมริกากับประเทศเพื่อนบ้านด้านใต้อย่างเม็กซิโกประเทศที่มีพลเมืองเข้ามาเป็นแรงงานเถื่อนในอเมริกาจำนวนมากที่สุด ต้องตกอยู่ในสภาพง่อนแง่นกว่ายุคใดๆ ที่ผ่านมา ไม่รวมถึงนโยบายสร้างกำแพงกั้นตามแนวพรมแดนของสองประเทศ เพื่อป้องกันแรงงานเถื่อน มาเฟีย และยาเสพติด ที่รัฐบาลเม็กซิกันชุดปัจจุบันรับไม่ได้เอาเลย ก็เลย เป็นที่มาของนโยบายทรัมป์ด้านต่างด้าวในแง่การป้องกันและปราบปราม ตอนนี้นโยบายดังกล่าวส่งผ่าน John F. Kelly รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงภายใน (DHS) ในระดับปฏิบัติการ เพื่อทำนโยบายทรัมป์ให้เป็นจริงให้ได้ตามสัญญาประชาคมก่อนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และขณะนี้กระทรวง DHS ก็ได้รับสนองนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์แล้ว ดังถ้อยแถลงของ John F. Kelly รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงฯล่าสุด แม้เป้าหมายของ DHS จะอยู่ที่โรบินฮู้ดลาติโน แต่นโยบายและแผนการป้องกันและปราบปรามแรงงานต่างด้าวเถื่อนได้เกิดผลสะเทือนต่อแรงงานเถื่อนในอเมริกากันอย่างถ้วนหน้าทุกเชื้อชาติ รวมถึงโรบินฮู้ดไทยที่ประมาณกันว่า แรงงานไทยในอเมริกา 100 คนมีแรงานงานที่ถูกกฎหมายแค่ 20 คนหรือ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นโรบินฮู้ดหรือแรงงานเถื่อน และสถานที่ทำงานของแรงงานไทยเหล่านี้ จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก “ร้านอาหารไทย”ซึ่งเป็นธุรกิจยอดนิยมของคนไทยในอเมริกา ดังนั้น ความเปลี่ยนแปลงที่จะเห็นได้ในร้านอาหารไทยในอเมริกา ณ เวลานี้ อย่างหนึ่งก็คือ มีกุ๊กหรือบริกรที่ไม่สามารถพูดไทยได้ ซึ่งก็อาจดูไม่แปลก เพราะร้านอาหารไทยในอเมริกาเป็นธุรกิจที่ทำกันมานานจนอยู่ตัวแล้ว เจ้าของร้านมีสิทธิ์ที่จะจ้างใครมากุ๊กหรือเป็นบริกรในร้านก็ได้ ถ้าเป็นกุ๊กก็ต้องควบคุมรสชาดนิดหน่อย ถ้าเป็นบริกรก็แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะส่วนใหญ่รู้งานดีอยู่แล้ว แต่ในอีกแง่หนึ่ง มันได้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบข้างเคียงของนโยบายทรัมป์ด้านต่างด้าวต่อร้านธุรกิจอาหารไทยที่นิยมจ้างโรบินฮู้ดทำงาน เพราะจ้างแบบถูกๆ ได้ แบบกดค่าแรงกันเอง โรบินฮู้ดไทยก็อาศัยหลักปลอดภัยไว้ก่อน คือไม่ไปทำงานเอาดื้อๆ นายจ้างจะเป็นอย่างไร ช่างมัน พวกเขาหวังว่าอีกสักพักนโยบายปราบปรามโรบินฮู้ดคงหายเฮี้ยน เหมือนกับนโยบายของรัฐบาลอเมริกันชุดอื่นๆ ที่ผ่านมา แล้วพวกเขาก็จะกลับเข้าร้านเหมือนเดิม ดังที่กล่าวไป ร้านอาหารไทย ไม่ใช่เป้า แต่ถ้าคนของร้านใกล้ๆ หรือเพื่อนบ้านโดนจับ โรบินฮู้ดไทยก็พลอยขวัญผวา เผลอๆ อาจซวยไปด้วย แหม...ก็อยู่แบบเถื่อนๆ มานานนม จนมีชมรมฯ ยังไม่เคยโดนสักที