รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สถานการณ์ของเชื้อโควิด-19 ที่แพร่กระจายอยู่ในประเทศไทย ณ วันนี้ ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชนจำนวนมากเนื่องจากได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งแม้รัฐบาลได้เร่งดำเนินการในเรื่องต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่มีต่อการบริหารจัดการและการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ก็ยังดูเหมือนว่าคนในสังคมจำนวนไม่น้อยยังวิตกกังวลกับการแพร่ระบาดโควิด-19 ภาพสะท้อนที่แสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม ก็คือ ผลการสำรวจความคิดเห็นของ “สวนดุสิตโพล”มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ซึ่งสอบถามจากประชาชนจำนวน 2,970 คน ประเด็น “ความวิตกกังวล” ของคนไทยเกี่ยวกับการแพร่ระบาดโควิด-19 สรุปผลได้ ดังนี้ ประชาชนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากน้อยเพียงใด? พบว่า “คำตอบ” ที่ “ประชาชน” ตอบมากที่สุด ร้อยละ 51.35 คือ ค่อนข้างวิตกกังวล รองลงมา ได้แก่ วิตกกังวลมาก ร้อยละ 37.95 ไม่ค่อยวิตกกังวล ร้อยละ 9.25 และไม่วิตกกังวลเลย ร้อยละ 1.45 เรื่องที่ประชาชนวิตกกังวลมากที่สุด คืออะไร? พบว่า “คำตอบ” ที่ “ประชาชน” ตอบมากที่สุด ร้อยละ 87.68 คือ การแก้ไขปัญหาของรัฐบาล รองลงมา ได้แก่ การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ร้อยละ 86.71 การติดเชื้อโควิด-19 ร้อยละ 85.11 รายได้ ร้อยละ 78.75 ค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน ร้อยละ 77.14 การทำงาน ร้อยละ 76.59 การเดินทาง ร้อยละ 76.32 การหาซื้ออุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น เจล แมส ทิชชู่ ฯลฯ ร้อยละ 74.32 หนี้สิน ร้อยละ 73.23 และอาหารการกิน ร้อยละ 71.64 สิ่งที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ คืออะไร? พบว่า “คำตอบ” ที่ “ประชาชน” ตอบมากที่สุด ร้อยละ 87.10 คือ จำกัดวงการระบาดของเชื้อให้เร็วที่สุด รองลงมา ได้แก่ ควบคุมราคาสินค้าอย่างจริงจัง ร้อยละ 71.38 เร่งตรวจหาเชื้อในวงกว้าง ร้อยละ 68.22 ลดค่าน้ำค่าไฟ/ใช้น้ำไฟฟรี ร้อยละ 65.49 พักชำระหนี้ให้ประชาชนทุกกลุ่ม ร้อยละ 63.91 ให้เงินช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย ร้อยละ 59.80 จ่ายเงินชดเชยสำหรับการถูกเลิกจ้าง/ว่างงาน ร้อยละ 58.25 ลดภาษี ร้อยละ 45.93 มีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ/ลดอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 44.44 และจัดระบบการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใสตรวจสอบได้ ร้อยละ 30.88 ประชาชนสามารถช่วยป้องกันและหยุดยั้งการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้อย่างไรบ้าง? พบว่า “คำตอบ” ที่ “ประชาชน” ตอบมากที่สุด ร้อยละ 94.58 คือ สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้านรองลงมา ได้แก่ อยู่บ้านให้มากที่สุด ร้อยละ 94.41ไม่ไปในสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก ร้อยละ 87.84 ล้างมือบ่อยๆ ร้อยละ 87.57 ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ร้อยละ 85.58 เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ร้อยละ 85.38 และไม่เที่ยว/ไม่ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ ร้อยละ 84.88 นี่คือ ผลสำรวจที่แสดงให้เห็นถึงความวิตกกังวัลของประชาชนได้อย่างชัดเจน ซึ่งหากคนในสังคมจะมีความเครียด ความวิตกกังวล และสับสน ก็คงเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คงหนีไม่พ้นการรู้วิธีลดความวิตกกังวลที่ทำให้บั่นทอนจิตใจ จากการคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช แนะนำวิธีการรับมือกับความวิตกกังวลจากการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งประกอบด้วย 1) ควรรับข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น ข้อมูลควรมาจากกระทรวงสาธารณสุข 2) ควรลดการเสพข้อมูลมากเกินไป โดยเสพข้อมูลข่าวสารมากเกินไป ย่อมไปกระตุ้นให้คิดมาก เกิดความรู้สึกเครียด วิตกกังวล ตื่นตระหนกมากขึ้น 3) ดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม เช่น การรับประทานอาหาร การนอน การออกกำลังกายตามปกติ 4) ดูแลอารมณ์ ยอมรับในอารมณ์ความรู้สึกตัวเอง หาสาเหตุสิ่งที่ทำให้เครียด และทำความเข้าใจในความเครียดที่เกิดขึ้น และระบายกับคนที่ไว้ใจ เพื่อลดความตึงเครียด 5) ต้องมีสติรับมือกับปัญหาที่จะเข้ามาเพิ่ม 6) หางานอดิเรกที่เหมาะสม ที่ตนเองชอบ การหากิจกรรมที่ทำแล้วรู้สึกสบายใจ เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยผ่อนคลายจากภาวะความตึงเครียด 7) สื่อสารในสังคมออนไลน์ตามควร ในสิ่งที่เป็นความรู้และการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง โดยก่อนที่จะสื่อสาร โพสต์ หรือแชร์ข้อมูล ควรตรวจสอบความถูกต้อง และข้อมูลควรมาจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ 8) เข้าใจและเห็นอกเห็นใจความรู้สึกทุกข์ของผู้ติดเชื้อ COVID-19 และผู้เกี่ยวข้อง และ 9) ส่งความใส่ใจ และการช่วยเหลือดูแลสังคม หากเราเปิดรับข่าวสารเรื่องการช่วยเหลือกัน จะเห็นน้ำใจของทุกคนในสังคมที่ช่วยกันคนละไม้คนละมือเท่าที่จะทำได้ ความวิตกกังวลที่ประชาชนมีต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในมุมหนึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งทำให้เกิดความระมัดระวัง แต่หากมีความวิตกกังวลมากเกินไป จนแปรเปลี่ยนเป็นความเครียด การจ้องจับผิดการทำงานของรัฐบาลแล้ว ก็ย่อมทำให้การนำพาประเทศผ่านพ้นวิกฤติที่รุมล้อม...ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้นเข้าไปอีก คงถึงเวลาที่คนไทยต้องใช้ความวิตกกังวลในเชิงบวก โดยการให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการแก้ปัญหา ซึ่งหากเปลี่ยนความวิตกกังวลเป็นความร่วมมือร่วมใจกัน...เชื่อว่าประเทศไทย ฝ่าฟันปัญหาที่เกิดขึ้นได้แน่นอน..!! วิกฤติปัญหา ณ วันนี้ แม้จะหนัก...แม้จะมีมากมาย...หรืแม้แต่จะแก้ไขได้ไม่ง่าย แต่ถ้า “คนไทยรักกัน...สามัคคีกัน...เชื่อมั่นซึ่งกันและกัน” ต่อให้ต้องเผชิญกับวิกฤติปัญหาที่หนักกว่านี้เราก็ยังผ่านพ้นมาด้วยกันได้...ไม่ใช่หรือ? ขอให้คนไทยรักกันเพียงเท่านั้น...ต่อให้อีกกี่วิกฤติ...อีกกี่ปัญหาก็ผ่านไปได้...แต่ถ้าคนไทย ไม่รักกัน...สุดท้ายประเทศชาติจะเป็นเช่นไร...ก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาว..!!?