แสงไทย เค้าภูไทย ม็อบ 14 ตุลาฯ 63 จะมีผลต่ออะไร อย่างไร คงจะไม่ได้เห็นหรือเกิดขึ้นในเร็ววัน โดยจะเป็นไปเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้น นับแต่ม็อบมุ้งมิ้งมาจนม็อบคณะราษฎร ทั้งนี้เพราะ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำรัฐบาลเชื่อมั่นในปราการอันแข็งแกร่งดุจเกราะเพชร ไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล วุฒิสมาชิก และทหาร แม้จะถูกม็อบโจมตีในรูปแบบต่างๆก็ยังทนทานด้านได้ เพราะถือว่าไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็น ไม่รับรู้ เมื่อไม่รู้ ไม่เห็น ก็ย่อมจะไม่รู้สึก ด้วยเหตุนี้ บรรดาม็อบคนรุ่นใหม่ใจร้อน อารมณ์แรง จึงหันมาใช้คำด่าหยาบคาย ผรุสวาท อาฆาตแค้น ขับไล่ไสส่ง เหมือนกับที่ใช้กันใน Social Media สื่อสังคมออนไลน์ เมื่อไม่รับ ไม่รู้ เอาหูทวนลม ม็อบทุกม็อบก็เป็นเสมือนสายลมพัดผ่าน ตัวแปรที่สำคัญที่สุดที่ก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการบ้านการเมือง ครั้งแล้วครั้งเล่าก็คือกองกำลังและอาวุธ ซึ่งบิ๊กตู่ก็ใช้มาแล้ว จนทำให้ยึดครองอำนาจมาได้จนถึงวันนี้ นักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชน มีแต่มือเปล่าและเสียงตะโกนอยู่ท่ามกลางที่ชุมนุมและผ่านสื่อ อาวุธก็มีอยู่เท่านั้น แม้ที่ผ่านๆมา การชุมนุมต่อต้าน ขับไล่รัฐบาลด้วยมวลชน จะมีการใช้กำลัง บุกเข้ายึดสถานที่สำคัญๆเพื่อกดดันรัฐบาลหรือผู้นำรัฐบาลให้ลาออก แต่สุดท้ายก็ต้องจบลงด้วยกำลังทหาร ไม่ว่าจะครั้งม็อบพธม.เสื้อเหลือง ม็อบนปช.เสื้อแดง ม็อบนกหวีด กปปส. ยึดทำเนียบฯก็แล้ว ยึดสนามบินก็แล้ว ยึดกระทรวงก็แล้ว ยึดศูนย์ราชการก็แล้ว แต่ทำอะไรรัฐบาลไม่ได้ อย่างม็อบกปปส.นั้น ทำทุกอย่างหมดมุก ก็เลยลงท้ายด้วยการตีขลุม เลียนแบบการใช้กำลังทหารยึดอำนาจการปกครอง ยึดสถานที่ราชการสำคัญๆ ผู้นำม็อบ สุเทพ เทือกสุบรรณ ทำตัวเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร ออกคำสั่งให้ข้าราชการระดับสูงทุกหน่วยงานทั่วประเทศมารายงานตัว แต่บรรดาข้าราชการระดับบังคับบัญชา ไม่ว่าจะข้าราชการพลเรือน หรือข้าราชการทหารตำรวจ ต่างรู้อยู่แก่ใจว่า ม็อบมีแต่กำลังคน ที่มีแต่การ์ดนักรบศรีวิชัยเท่านั้นที่แอบติดอาวุธประจำกายแบบซ่อนเร้น ไม่มีกำลังติดอาวุธและไม่มียุทธการแบบทหาร หรือกำลังทหารหนุนหลัง เป็นแต่การสวมรอยยึดอำนาจ บรรดาข้าราชการเหล่านั้นจึงไม่รับในอำนาจสั่งการของนายสุเทพ ทำให้สถานภาพของนายสุเทพเข้าข่ายกบฏ วันนี้ต้องยอมเสียคำพูด “เลิกแล้ว ไม่เอาแล้ว”ที่แสดงถึงการล้างมือการเมือง กลับเข้าหาศูนย์อำนาจ หวังคลี่คลายคดีกบฏในพระราชอาณาจักร ที่ยังคาราคาซังมาถึงวันนี้ การสู้ม็อบกปปส.นั้น รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้เกมยื้อ ดื้ออยู่ จนผู้นำม็อบอ่อนอกอ่อนใจ ทุนรอนที่สนับสนุนม็อบก็ร่อยหรอลงทุกที เพราะนายทุนมองไม่เห็นหนทางที่จะเอาชนะด้วยพลังมวลชนได้ สุดท้ายต้องอาศัยมือที่สาม คือทหาร พลเอกประยุทธ์เข้ามายึดอำนาจ รูปแบบและวิถีการโค่นล้มรัฐบาลด้วยกระบวนการนอกสภา หลัง 14 ตุลาฯ 16 ผลทุกครั้งออกมาเป็นเช่นนี้ ม็อบ 14 ตุลาฯ 63 ก็คงจะซ้ำรอยม็อบมวลชนที่ผ่านๆมา เว้นเสียแต่จะมีแรงกดดันรูปแบบใหม่ๆมาเสริม หรือมี “มือที่มองไม่เห็น”ลงมาเล่นด้วยเท่านั้น