แสงไทย เค้าภูไทย โครงการคนละครึ่งรอบสองรัฐต้องกู้เงิน ADB อีก 1,500 ล้านดอลลาร์มาโปะ จะได้ผลอะไรบ้าง? โครงการ “คนละครึ่ง” รอบแรกผ่านและหว่านเงินลงไปในตลาดผู้บริโภค 1.1 หมื่นล้านบาท เป็นไปด้วยดี ที่น่าจะได้ผลตามเป้าหมายก็คือ กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ( domestic expenditure) ที่เป็นส่วนหนึ่งของจีดีพี โดยการนี้ รัฐจ่ายครึ่งหนึ่ง คือราว 5,600 ล้านบาท ประชาชนจ่ายครึ่งที่เหลือเท่าๆกัน ส่วนผลอีกด้านหนึ่ง คือประเทศไทยต้องเป็นหนี้เพิ่มขึ้น เพราะเงินที่รัฐจ่ายนั้น มาจากเงินกู้ ล่าสุดกู้จากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) อีก 1,500 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 45,600 ล้านบาทที่อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน 30.40 บาท/ดอลลาร์) เพิ่มยอดหนี้สาธารณะ ที่ล่าสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. 2563 เดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 2563 มีจำนวน 7.84 ล้านล้านบาท คิดเป็น 49.35% ของจีดีพี ใกล้เพดานกรอบการเงินการคลังที่ร้อยละ 60 ของ GDP เข้าไปทุกทีแต่ไม่เป็นห่วง เพราะเตรียมขยายเพดานหนี้ถึง 70% ของจีดีพีไว้แล้ว การที่รัฐบาลขยายเพดานหนี้สูงขึ้นถึง 10% นั้น เหตุจากขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น ขณะที่รัฐต้องใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยแผนก่อหนี้ของรัฐบาลสำหรับปีงบประมาณ 2564 นั้น อยู่ในวงเงิน 1,346,170.52 ล้านบาท เงินกู้ก้อนล่าสุดคือเงินกู้จาก ADB จุดประสงค์ก็เพื่อนำมาใช้ในโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 โครงการคนละครึ่งก็อยู่ในเงินกู้ส่วนนี้ เงินที่รัฐจ่ายคนละครึ่งกับผู้บริโภคนั้น ถือเป็นการใช้จ่ายภาครัฐ ( government expenditure) ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของ GDP เช่นเดียวกันกับการใช้จ่ายภายในประเทศของภาคเอกชน ดูแล้วก็เหมือนกับอัฐยาย ซื้อขนมยาย โดยอัฐของยาย ซื้อขนมของยายด้วยการยืมมือประชาชนให้มาซื้อแทนยาย คล้ายๆกับโครงการ “ชิมช้อปใช้” ที่ผ่านๆมา เพียงแต่ครั้งนี้ กระตุ้นให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการจ่ายครึ่งหนึ่ง ซึ่งดีกว่าชิมช้อปใช้ตรงที่ คนที่เข้าร่วมโครงการคือคนที่พอมีจะจ่าย คือกระตุ้นให้คนมีอันจะกินใช้จ่าย แต่อีกด้าน คนไม่มีจะจ่าย แต่จำเป็นต้องกินต้องใช้ต้องบริโภคก็ต้องขวนขวายหาเงินมาร่วมจ่ายสินค้าจำเป็นเอาไปตุนไว้ ถือว่าซื้อของครึ่งราคา โครงการคนละครึ่งแบบนี้ ถ้ามองไปที่ญี่ปุ่น ซึ่งนำมาใช้กับผู้ประกอบการเอกชนแล้ว ดูจะไปคนละเรื่อง ของญี่ปุ่นนั้น ใช้ตั้งแต่ไวรัสโควิด-19 ระบาดใหม่ๆ ทำให้ต้องใช้มาตรการล็อคดาวน์ โรงงานและวิสาหกิจต่างๆปิดกันหมด รัฐบาลกังวลว่า จะปิดถาวร เพราะแม้เปิดเมือง แต่กว่าจะฟื้นตัวได้ก็อาจจะหมดทุนเสียก่อน ก็เลยตั้งโครงการ “คนละครึ่ง” โดยรัฐร่วมจ่ายค่าจ้าง เงินเดือนกับบริษัท ห้างร้าน โรงงานที่มีการจ้างแรงงาน โครงการนี้ ได้ผลสามต่อ ต่อแรกโรงงานได้รับการแบ่งเบาภาระค่าจ้างแรงงานไปครึ่งหนึ่ง ต่อที่สอง ลูกจ้างแรงงานยังคงได้รับค่าจ้างตามปกติ ทำให้การใช้จ่ายภายในประเทศหมุนเวียนปกติ ต่อที่สามห่วงโซ่การผลิต การบริโภค ( supply chain) เป็นไปตามปกติ เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้เร็วโดยแทบจะไม่ต้องกระตุ้นเหมือนชาติอื่นๆโดยเฉพาะชาติไทย ทำไมเราไม่คิดแบบเขา ? ทำไม ภูเก็ต เกาะสมุยถึงร้าง ?