เสรี พงศ์พิศ www.phongphit.com ที่จังหวัดร้อยเอ็ดมีอำเภอจตุรพักตรพิมาน ซึ่งแปลว่า ที่อยู่ของเทพเจ้าผู้มีสี่หน้า ขออนุญาตยืมชื่อมาใช้ในที่นี้ที่อยากพูดถึงการท่องเที่ยวไทยในนิวนอร์มอล เคยเขียนถึงเอกลักษณ์ไทยใน 4 เรื่อง คือ อาหารไทย นวดไทย มวยไทย และการทำสมาธิว่า ถ้าจัดการให้ดี จะมีเสน่ห์และคุณค่าสำคัญเพื่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทย ยิ่งวันนี้ที่เกิดโรคระบาด นักท่องเที่ยวต่างชาติหายหมด จาก 30 กว่าล้านคนเป็นศูนย์ ภูเก็ต กระบี่ สมุย เงียบเหงาเป็นเมืองร้าง มีความพยายามอย่างหนักที่จะปรับตัวและฟื้นการท่องเที่ยว เน้นนักท่องเที่ยวไทย และการจัดในรูปแบบใหม่ที่เหมาะกับสถานการณ์ ในเวลาเดียวกันก็ต้องยื้อกับมาตรการการ์ดสูงของรัฐบาลที่ฟังหมอมากกว่าพ่อค้า ไม่ยอมเปิดประตู บ้านเมืองแบบกว้างๆ ให้คนต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยว ยังคงแง้มๆ และให้เข้ามาอย่างมีเงื่อนไขจนน่าจะได้จำนวนน้อยมาก ได้คนที่อยากมาจริงๆ ที่มีเวลาพอที่จะถูกกักตัว หรือเพราะอยากมาอยู่นานแบบลองสเตย์ อย่างไรเสียก็ควรมองวิกฤติเป็นโอกาส ทำให้เราได้มีเวลาคิดและพัฒนาท่องเที่ยวไทยในนิวนอร์มอล โดยเน้นที่จุดแข็งของเรา การท่องเที่ยวที่มี 4 เอกลักษณ์ไทย บวกกับ 2 เงื่อนไข คือ จิตบริการ (service mind) บนฐานความรู้ (knowledge base) ซึ่งไทยเรามีพร้อม อยู่ที่ว่าจะนำมา “บูรณาการ” ให้ลงตัวอย่างไรเท่านั้น เพื่อให้เมืองไทยในยุคนิวนอร์มอลเป็น “จตุรพักตรพิมาน” หรือที่อยู่ของเทพเจ้าผู้มีสี่หน้า ที่ใครๆ ก็อยากมา คนทำการท่องเที่ยวมานานย่อมรู้ว่าจะจัดทัวร์อย่างไร แบบไหน ที่เป็นทัวร์ทางเลือก ทัวร์ที่เน้นคุณค่า เน้นการได้สัมผัสตรงกับชีวิตจริง ได้ประสบการณ์ชีวิตอีกแบบ แตกต่างจากการไปทัวร์หมู่ ไป “ชม” สถานที่ท่องเที่ยว ซื้อของ กินข้าว ดูโชว์วัฒนธรรมที่มักจะเป็น “ของปลอม” จัดขึ้นมาเลียนแบบเพื่อให้ชมเท่านั้น ถึงเวลาพานักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะฝรั่งและญี่ปุ่นไปหมู่บ้านผ่านท่องเที่ยวชุมชน ท่องเที่ยวเกษตร ท่องเที่ยวนิเวศ ไปร่วมทำบุญในงานเทศกาลต่างๆ ร่วมกับชุมชน ไปร่วมกิจกรรม ทำนาทำสวนตามฤดูกาล ช่วยงานวัดงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ที่สานสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าบ้านกับผู้ไปเยือน อาจมีการจัดโปรแกรมสั้นๆ ที่ให้นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติได้ “ลงมือทำ” ทั้งอาหารไทย มวยไทย การนวด การทำสมาธิ โดยให้ข้อมูลความรู้ก่อน จนนักท่องเที่ยวฟังแล้วอดไม่ได้ที่จะขอมีส่วนร่วม แม้ว่าวันนี้จะมีวิดีโอเต็มยูทูปที่สอนการทำอาหาร มวยไทย นวดไทย การทำสมาธิ แต่ยังไงก็สู้การได้ฟังจากผู้รู้จริงไม่ได้ เพราะมีรายละเอียดอีกมากมายที่ไม่มีในยูทูป ซึ่งคนจัดทัวร์ต้องทำให้แตกต่าง ไม่เช่นนั้นนักท่องเที่ยวคงบ่นว่า นั่งดูยูทูปที่บ้านยังได้ความรู้มากกว่า ยกตัวอย่างถ้าไปเที่ยวทางใต้ ได้มีเวลาสักครึ่งวันเพื่อเรียนการทำอาหารจานเด็ดๆ ของภาคใต้ โดยคนที่ไม่ได้สอนแต่เทคนิควิธีการ แต่บอกคุณค่าของอาหารนั้นๆ ต่อสุขภาพ และวิธีการทำให้อร่อย จนฟังแล้วนั่งไม่ติด อยากลุกไปทำและอยากรับประทานผลงานของตนเอง เพราะข้อมูลความรู้และวิธีการนำเสนอจากวิทยากรเก่งๆ ภูมิปัญญาชาวบ้าน ปราชญ์ชาวบ้าน ทำให้อาหารธรรมดากลายเป็นงานศิลปะ อันนี้ต่างหากที่คนต้องการ และคนจัดจะต้องทำให้แตกต่าง เช่นเดียวกับไปถึงไชยา ไปสุราษฎร์ ได้เรียนรู้เรื่องมวยไทยสักครึ่งวัน หลังจากเรียนเรื่องอาหารใต้และรับประทานอาหารเสร็จ ได้พักบ้าง ได้ฟังการบรรยายเรื่องมวยไชยา ซึ่งเป็นมวยไทยที่มีชื่อเสียง ได้ยินได้ฟังครูมวยเก่งๆ ก็จะซาบซึ้งว่า มวยไทยมีครู ไหว้ครูคืออะไร และไม่ใช่แค่เทคนิคการต่อสู้ แต่เป็นศิลปะป้องกันตัว วิธีการพัฒนาตนให้เป็นคนดีมีคุณธรรม มีน้ำใจนักกีฬา ใช้ศิลปะแม่ไม้มวยไทยเพื่อปกป้องตนเอง ปกป้องคนอื่น จากนั้นก็ให้เรียนจากครูมวย ฝึกฝนสักชั่วโมง เพื่อนำกลับไปใช้ในการออกกำลังกาย และถ้าสนใจก็ไปเรียนไปฝึกต่อในยิมต่างๆ ที่มีทั่วไปทุกจังหวัดวันนี้ การนวดก็เช่นเดียวกัน การให้ความรู้ความเข้าใจในกายภาพ ระบบของร่างกาย วิธีการดูแลรักษาสุขภาพตามแพทย์แผนโบราณ แผนไทย สุขภาพองค์รวม ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้คุณค่าของการนวดลึกไปกว่าเพียงแค่รู้ว่า ไปนวดแล้วหายเมื่อย และขยายความไปถึงเรื่องสมุนไพร การอบสมุนไพร ให้นักท่องเที่ยวได้ยินได้ฟังข้อมูลความรู้อย่างดีแล้วก็ให้รับการนวด แต่อยากแนะนำว่า ถ้าคนไม่เคยนวดก็อย่าได้นวดให้แรงให้เจ็บแบบที่ทำกันทั่วไป เพราะจะเข็ดจนไม่อยากไปนวดอีก จริงอยู่ การนวดไม่ว่าราชสำนักหรือเชลยศักดิ์ มีทั้งแบบคลายตัว กับการนวดเพื่อรักษาตามอาการ แต่ก็มีการประยุกต์ท่าฤษีดัดตนมาใช้เพื่อให้การนวดลดอาการเจ็บลง อันนี้น่าสนใจและเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ไม่เคยนวดมาก่อน การทำสมาธิก็เช่นเดียวกัน ถ้านักท่องเที่ยวได้รับข้อมูลความรู้ดีๆ และรู้ว่า การทำสมาธิมีหลายแบบ มีแบบง่ายที่ใครๆ ก็ทำได้ในชีวิตประจำวัน แบบที่สามารถฝึกได้ในเวลาที่มีอยู่ในวันนั้นที่มีโปรแกรมสั้นนี้ ชุมชนที่จัดการท่องเที่ยว โฮมสเตย์ ลองผนวกเอาโปรแกรมทั้ง 4 ตามความเหมาะสมกับผู้มาเยือนเป็นกลุ่ม ลองจัดทางเลือกให้มากเป็น โปรแกรมเลือกได้ (optional tour) รับนักท่องเที่ยวกลุ่มเล็กๆ รถตู้หนึ่ง 5-10 คน หรือรถบัสกลาง 10-20 คน ตามกิจกรรมที่เสนอไป ที่ผู้มาเที่ยวต้องการ การท่องเที่ยวแบบมิตรภาพ (friendship tour) เกิดได้จากกลุ่มเล็กๆ โควิดมาก็เป็นโอกาสให้มองเห็นความงามของสิ่งเล็กๆ (small is beautiful) ไม่มีอะไรงดงามเท่ากับความสัมพัน์อันดีระหว่างผู้คน ที่อาจมีค่ามากกว่ารายได้ที่เป็นเงินเสียอีก