โอลิมปิกที่บราซิลจบลงแล้ว ได้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ของจิตใจของคน ทั้งนักกีฬาและผู้ชมในสนามและหน้าจอเล็กจอใหญ่ไปทั่วโลก ก้าวข้ามขีดจำกัดของความแตกต่าง ความแตกแยก สีผิว ความเชื่อ อุดมการณ์ ผู้ชมไม่ได้เชียร์แต่นักกีฬาจากชาติของตนเอง แต่ลุ้นคนที่ตนชื่นชอบ ลุ้นการทำลายสถิติ มหกรรมอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาตินี้สี่ปีมีครั้ง ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะเยาวชนทั่วโลก ให้สนใจการเล่นกีฬา อยากประสบความสำเร็จ เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ถ้ามุ่งมั่นฝึกฝนและได้รับการสนับสนุนอย่างเหมาะสม นักกีฬายกน้ำหนักหญิงของไทยได้ 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน พลาดเหรียญที่สี่ไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งหมดได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่นพี่อย่าง “ปวีณา ทองสุก” และคนอื่นๆ ที่โอลิมปิกเอเธนส์และปักกิ่ง โอลิมปิกครั้งนี้ที่บราซิลต้องจารึกชื่อนักกีฬาไว้อย่างน้อย 2 คนที่ได้เหรียญทองเป็นครั้งแรกและอย่างพิเศษ คนแรก คือ โจเซฟ สคูลิ่ง นักว่ายน้ำชาวสิงคโปร์ที่ได้เหรียญทองเหรียญแรกเป็นประวัติศาสตร์จากการว่ายน้ำท่าผีเสื้อ 100 เมตร เอาชนะไมเกิล เฟลส์ แชมป์เก่า และคนที่ได้ถึง 23 เหรียญทองว่ายน้ำ วันนี้สคูลิ่งอายุ 21 ปี ตอนที่เขาอายุ 13 ปี ได้ถ่ายรูปคู่กับไมเกิล เฟลส์ ที่โอลิมปิกปักกิ่งเมื่อปี 2008 หรือเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เขามีเฟลส์เป็นไอดอลตั้งแต่วัยเด็ก อยากว่ายน้ำเก่งเหมือนคนนี้ และมีโอกาสได้ไปฝึกร่วมกับเฟลส์ที่สหรัฐอเมริกาด้วยระยะหนึ่ง จึงไม่แปลกที่เมื่อเขาชนะเฟลส์ ซึ่งว่ายเคียงข้างเขา เฟลส์เข้าไปสวมกอดและตบหลังสคูลิ่งหลายครั้ง อีกคนหนึ่งที่ได้สร้างชื่อเสียงในโอลิมปิกครั้งนี้ คือ เวย์ด วาน นีเคิร์ก ชาวแอฟริกาใต้ ที่ทำลายสถิติโลกวิ่ง 400 เมตร ที่ไมเกิล จอห์สัน ชาวอเมริกันทำไว้ถึง 17 ปี เรื่องราวที่น่าสนใจของนักวิ่งวัย 24 ปีผู้นี้ คือ เขาเป็นนักวิ่งที่ดู “ธรรมดา” มากในสายตาของคนชมกีฬา แม้ว่าจะเป็นแชมป์โลกเมื่อสองปีก่อน แต่เมื่อมาแข่งโอลิมปิกเขาผ่านรอบคัดเลือกมาเป็นที่ 5 และได้วิ่งในลู่ทึ่ 8 ที่เขาเรียกกันว่า “ลู่บอด” เพราะอยู่นอกสุดและจะมองไม่เห็นคู่แข่ง เขาเป็นม้านอกสายตา ทุกคนต่างก็คาดว่า อดีตเหรียญทองแชมป์โอลิมปิกสองคนต้องได้แชมป์รายการนี้ และเมื่อวิ่งมาได้ครึ่งทาง แม้ว่านีเคิร์กจะนำอยู่หลายก้าว ผู้บรรยายบอกว่า อีกหน่อยคงแผ่วและถูกแซงแน่ๆ แต่ผิดคาด ยิ่งวิ่งเขายิ่งทิ้งห่างคนอื่นออกไป จนเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 43.03 วินาที ทำลายสิติโลกของจอห์นสัน 43.18 วินาทีลงไปแบบเหลือเชือ มี 2 ภาพที่ตามมาที่น่าประทับใจ ภาพของคุณยายผมขาววัย 74 ปี บนอัฒจรรย์ ซึ่งข้อมูลบอกว่า เป็นโค้ชของนีเคิร์ก เธอไม่ใช่โค้ชมีชื่อเสียงอะไร เป็นโค้ชที่มหาวิทยาลัยที่นีเคิร์กศึกษาอยู่ แต่เธอมองเห็นศักยภาพล้นเหลือในตัวเขา จึงยินดีรับเป็นโค้ชให้ และที่น่าประหลาดใจสำหรับคนในแวดวงกีฬา คือ นีเคิร์กไม่เคยไปฝึกไปศึกษาในสหรัฐอเมริกาเหมือนกับนักกีฬาเหรียญทองทั้งหลาย เขาเคยไปฝึกสองเดือนที่จาไมก้า ในแคมป์ของทีมของอูเซน โบลท์ และนั่นคือภาพที่ 2 ที่น่าประทับใจ เมื่อเราเห็นอูเซน โบลท์ เข้าไปแสดงความยินดีกับนีเคิร์กข้างสนามนั่นเอง เพราะหนุ่มแอฟริกาใต้คนนี้หลังจากชนะแล้วก็ยังเดินทักทายถ่ายรูปกับผู้ชมในสนามอยู่อีกนานนับครึ่งชั่วโมง จนโบลท์แข่งวิ่ง 100 เมตรเสร็จและได้แชมป์โอลิมปิกครั้งที่สามติดต่อกัน แล้วิ่งไปรอบๆ สนาม จนพบนีเคิร์ก นีเคิร์กบอกว่า อูเซน โบลท์คือไอดอลของเขา คนสร้างแรงบันดาลใจให้เขาฝึกฝนจนประสบความสำเร็จ โบลท์คนนี้เองที่บอกกับเขาที่จาไมก้าว่า “คุณจะทำลายสถิติโลก” คำพูดที่สร้างแรงกระตุ้นและบันดาลใจเขาอย่างลึกซึ้ง อย่างไรก็ดี แรงบันดาลใจและใจสู้อย่างเดียวคงไม่เพียงพอเพื่อจะได้เหรียญทอง คงต้องการปัจจัยอื่นๆ อีก ต้องการการฝึกฝนด้วยความมุ่งมั่นสม่ำเสมอ วิทยาศาสตร์การกีฬา การส่งเสริมสนับสนุนไม่ว่าจากภาครัฐภาคเอกชน จากครอบครัวและผู้เกี่ยวข้อง แต่ที่สุดแล้ว สิ่งที่กีฬาให้แก่ผู้เล่นและผู้ชมคงไม่ใช่เพียงชัยชนะ แต่ได้เห็นสิ่งที่เรียกว่า สปิริตหรือน้ำใจนักกีฬา การรู้แพ้รู้ชนะ กฎกติกามารยาท รวมทั้งได้เห็นสิ่งที่ตรงกันข้าม ความไม่มีน้ำใจนักกีฬา การพยายามทุกวิถีทางที่จะชนะให้ได้ไม่ว่าด้วยวิธีใด การเอาเปรียบคตู่ต่อสู้ การใช้สารต้องห้ามต่างๆ ทำให้กีฬาเป็นธุรกิจ เป็นการพนัน ซึ่งอาจทำให้พระเอกวันนี้กลายเป็นผู้ร้ายในวันหน้า อย่างที่ได้เกิดขึ้นกับหลายคน ทั้งในวงการกีฬาอาชีพและสมัครเล่น รวมทั้งความประเพฤตินอกสนามของนักกีฬา ดังที่เกิดกับนักว่ายน้ำ 4 คนในโอลิมปิกครั้งนี้ นำโดยไรอัน ล็อคเต ที่ทำผิดแล้วสร้างเรื่องหลอก ถูกประณามไปทั่วโลกว่าเป็น “จอมโกหก” ลืมไปว่าวันนี้มีกล้องวงจรปิดไปทั่ว มีมือถือนับพันล้านเครื่องที่พร้อมจะส่งต่อภาพและข้อมูลเลวร้ายของใครก็ได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า กีฬาได้ให้ความสุขแก่ผู้คน เพราะสปิริตของกีฬาเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ ปลุกพลังนี้ที่ซ่อนอยู่ในตัวของทุกคน ทำให้คนลืมความทุกข์และความน่าเบื่อหน่ายของชีวิตประจำ และสารพันปัญหาทางเศรษฐกิจและการเมืองหรือแม้เรื่องส่วนตัวไปได้ไม่น้อย