แสงไทย เค้าภูไทย
คนไทยการ์ดตก เจอแรงงานพม่าไม่สวมหน้ากากอนามัย กลายเป็นสมคบกันแพร่เชื้อโควิด-19 ระลอก 2 อย่างไม่คาดคิด หากไม่ใช้ยาแรงเอาผิดและเอกซเรย์คัดกรอง อาจเกิด super spread ที่ยากจะควบคุมได้
นับแต่พบผู้ป่วยติดเชื้อคนแรกที่แพกุ้งมหาชัยเมื่อ 17 ธ.ค. ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวันจากตัวเลขเดี่ยวเป็น 2 หลัก ล่าสุดเป็น 3 หลักสะสมผ่านหลักพันคือ 1,072 คนไปเมื่อวันจันทร์
กว่า 90% ของผู้ติดเชื้อเป็นแรงงานพม่า
คาดว่าการระดมตรวจคัดกรองแรงงานพม่า ซึ่งในสมุทรสาครมีอยู่กว่า 400,000 คน หากใช้อัตราติดเชื้อ 43% จากการตรวจพบที่ผ่านมา
จะพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหมู่แรงงานพม่าถึง 172,000 คน
เหตุนี้ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้เสนอนายกฯ ให้ใช้ยาแรงคุมโควิดระบาดรอบใหม่ในหลายจังหวัด ที่เชื่อมโยงกับตลาดกุ้งมหาชัย
นอกจากมาตรการเดิมที่ใช้ได้ผลในการระบาดระลอกแรกแล้ว ยังต้องเพิ่มอีกมาตรการกำหราบเด็ดขาด คือการเอาผิดคนไม่สวมหน้ากากอนามัย
โดยใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินบังคับคนที่ออกนอกบ้านให้ใส่หน้ากากอนามัยกันทุกคน และต้องปิดทั้งปากและจมูกด้วย ใครไม่ทำตาม มีโทษทางอาญา
ทั้งนี้เพราะพบว่าแรงงานพม่า ทั้งย่านแพปลามหาชัยและตามตลาดสด ตลาดนัด ร้านอาหาร ฯลฯ ไม่สวมแมสก์หรือสวมปิดแค่ปากไม่ปิดจมูก
การที่แม่ค้าตลาดสดไปซื้อกุ้งที่แพกุ้งมหาชัยมาขายที่แผงของตนแล้วติดเชื้อโควิด-19 ก็เพราะละเลยกับการป้องกันตัวจากแรงงานพม่าที่มีเชื้อไวรัสมรณะอยู่ในตัวโดยไม่แสดงอาการ
นอกจากนี้ ในโซนเสี่ยง ต้องแนะนำให้ สวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้นด้วย
นอกจากตรวจคัดกรองอย่างเคร่งครัดถึงขั้นเอกซเรย์ทุกพื้นที่แล้ว กระทรวงแรงงานจะต้องเข้าไปตรวจสอบด้วย
เหตุจากแรงงานพม่าเหล่านี้ เป็นแรงงานผิดกฎหมายกว่าครึ่งโดยเจ้าของโรงงานและนายจ้างจะต้องรับผิดชอบด้วย
ขณะเดียวกัน ก็ต้องทำให้ถูกกฎหมายด้วยการเปิดรับแรงงานพม่าเข้ามาอย่างถูกต้องและมีการคัดกรองอย่างเข้มงวด
แม้จะหวั่นเกรงต่อการนำเชื้อไวรัสมรณะเข้ามาแพร่ในไทย แต่ก็มีความจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าว ซึ่งขณะนี้ขาดแคลนถึง 200,000 คน
พม่าเองก็ต้องการส่งแรงงานของตนมาไทย ล่าสุดองค์กรแรงงานเมียนมา(MWRN) เรียกร้องรัฐบาลของตนให้เจรจากับรัฐบาลไทยขอให้อนุญาตให้แรงงานเมียนมา 60,000 คน เข้ามาทำงานในประเทศไทย หากไม่สามารถโน้มน้าวให้รัฐบาลไทยรับแรงงานเมียนมาได้ ก็ขอให้คืนเงินค่าใช้จ่ายในการทำสัญญาจ้างให้แก่แรงงานเหล่านั้น
แสดงถึงว่า การจ้างงานชาวพม่าของไทย มีความสำคัญระดับชาติของเมียนมาทีเดียว
นอกจากทำให้ถูกกฎหมายแล้ว ยังต้องจัดที่พักอาศัยของแรงงานให้ถูกลักษณะอนามัยด้วย
ทุกวันนี้ พวกแรงงานพม่าที่มหาชัยอยู่กันอย่างแออัด ห้องเช่าหนึ่งอยู่กัน 5-8 คนก็มี
จึงไม่แปลกที่การแพร่ระบาดของไวรัสตัวนี้จะเกิดขึ้นอย่างง่ายดายและกินวงกว้าง
อันที่จริงการแก้ปัญหาด้วยการตรวจแบบเอกซเรย์ควรจะดำเนินการตั้งแต่เกิดการระบาดที่เมียนมาแล้ว
เนื่องจากช่วงนั้นมีการลักลอบพาแรงงานเข้ามาอย่างหนาแน่น
มาทำตอนนี้ไม่รู้ว่าจะสายเกินไปหรือเปล่า ?
เพราะเข้าข่ายวัวหายแล้วจึงล้อมคอกไปแล้ว