เสือตัวที่ 6 โลกเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญยิ่ง ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ด้วยพลังอันมิอาจประมาณได้ของเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด ส่งผลกระทบทั้งเชิงบากและเชิงลบต่อการดำเนินชีวิตของมนุษยชาติตลอดจนส่งผลต่อวิธีคิดหรือแนวความคิดที่แตกต่างไปจากอดีตที่ผ่านมาไม่กี่ปีนี้เอง ความคิดที่แปลกแยกแตกต่างของคนในโลกโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่กำลังรับรู้ถึงสิ่งใหม่ๆ ที่ถาโถมเข้ามาสู่หัวสมองของพวกเขา ในขณะที่คนรุ่นก่อนต่างเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงทางความคิดของคนรุ่นใหม่ กำลังเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของคนรุ่นก่อนที่เชื่อมาโดยตลอดว่า ทุกสรรพสิ่งไม่มีอะไรต้องเปลี่ยนไป หรืออย่างน้อยก็ยังคงคิดว่า การเปลี่ยนไปจากเดิมทางความคิดของคนยุคใหม่ ก็น่าจะไม่หวือหวามากจนคนรุ่นก่อนยอมรับไม่ได้ หากแต่ว่า ความก้าวกระโดดของเทคโนโลยีไม่อาจหยุดยั้งขวางกั้นวิธีคิดใหม่ๆ ที่แตกต่างจากวิธีคิดเดิมออกไปอย่างสิ้นเชิง การพยายามเหนี่ยวรั้งให้คนรุนใหม่คิดใหม่ในกรอบแนวทางที่คนรุ่นก่อนเห็นว่าควรจะเป็น จึงเกิดการประทะกันทางความคิดของคนต่างยุคในทั่วทุกมุมโลก และกำลังก่อตัวอย่างทรงพลังในมันสมองของพวกเขาอย่างทรงพลัง และยังเก็บตัวเงียบหากโอกาสยังไม่อำนวย หรือยังไม่มีเงื่อนไขพอที่จะแสดงออกมาถึงความเห็นต่างเหล่านั้นกับคนรุ่นก่อน หลายสังคมประเทศจึงดูเหมือนปกติสงบราบเรียบ หากแต่แท้ที่จริงแล้ว ความเห็นต่างอย่างหน้ามือเป็นหลังมือของคนรุ่นใหม่เหล่านั้น เพียงแต่รอการปะทุให้ปรากฏออกมาให้เห็นเท่านั้น ปรากฏการณ์ดังกล่าวข้างต้นเกิดขึ้นให้เห็นอย่างชัดเจนในทั่วทุกมุมโลก ที่เห็นเป็นข่าวให้ได้รับรู้กันทั่วไปในโลก อาทิปรากฏการณ์การก่อตัวของเยาวชนในฮ่องกง ที่ลุกขึ้นต่อต้านรัฐซึ่งล้วนเป็นคนรุ่นก่อนที่มีแนวคิดแบบเดิมๆ บริหารประเทศปกครองอยู่ ในขณะที่คนรุ่นใหม่มีความเห็นต่างจากเดิมอย่างมาก ต่างออกมาเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามวิถีทางที่กลุ่มตนคิด หากแต่คนรุ่นก่อนที่กำลังใช้อำนาจรัฐอยู่ กลับมองว่า เป็นการกระทำที่เป็นภัยต่อความมั่นคง ซึ่งต้องจัดการให้ราบเรียบ แม้ว่าปรากฏการณ์ที่ฮ่องกงจะดูเบาบางลงไปมาก แต่ไม่ได้หมายความว่า พลังของความคิดต่างของคนรุ่นใหม่เหล่านั้นจะหมดสิ้นไป ในทางตรงข้ามคนรุ่นใหม่เหล่านั้น กำลังสะสมบ่มเพาะพลังของการต่อสู้กับคนต่างยุคในทุกโอกาสที่อำนวย ปรากฏการณ์การลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐของกลุ่มคนที่เรียกตนเองต่างๆ นานา ในพื้นที่ปลายด้ามขวานของไทย ก็เกิดจากการก่อตัวทีละเล็กทีละน้อยของความเห็นต่าง แปลกแยกจากคนต่างถิ่น ต่างความเชื่อทางศาสนา ต่างวัฒนธรรม อันเกิดจากคนกลุ่มแกนนำนักจัดตั้งมวลชน เป็นตัวเร่งให้กลุ่มคนรุ่นใหม่มีความเห็นต่างดังกล่าวเร็วขึ้น และน่าแปลกใจที่แกนนำนักจัดตั้งมวลชนเหล่านั้น สามารถประยุกต์แนวคิดความทันสมัยที่เปลี่ยนไปของโลกอันเป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มาผสมกลมกลืนกับแนวคิดดั้งเดิมในแบบรัฐปาตานีได้อย่างเหลือเชื่อ เป้าหมายสำคัญของการหล่อหลอมบ่มเพาะแนวคิดใหม่ให้เห็นต่างกับรัฐ โดยประสงค์ให้เกิดกับคนรุ่นเด็กและเยาวชนในพื้นที่ ยังมีกระบวนการที่สามารถผสมผสานกับรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ และความเชื่อทางศาสนา มาเป็นประเด็นหลักในการบ่มเพาะความเห็นต่างให้เป็นจริงขึ้นได้จนสามารถสืบทอดการต่อสู้กับรัฐมาได้อย่างยาวนานอย่างเหลือเชื่อ ทั้งที่ศักยภาพในการต่อสู้กับรัฐไม่อาจเทียบเคียงได้เลยแม้แต่น้อย การขับเคลื่อนการต่อสู้กับรัฐด้วยยุทธศาสตร์การสร้างความเห็นต่างแปลกแยกจากรัฐของคนกลุ่มนี้ จึงน่าศึกษายิ่ง เพราะนอกจากจะสามารถผสมกลมกลืนแนวคิดของคนรุ่นใหม่ในยุคเทคโนโลยีที่ส่งผลให้คนรุ่นนี้นิยมชมชอบการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่กว่าที่เป็นอยู่ กับแนวคิดแบบชาติพันธุ์ดั้งเดิมของคนในพื้นที่ที่เรียกว่าชาวปาตานีได้อย่างมหัศจรรย์ยิ่ง โดยมุ่งให้เกิดความเห็นต่างกับรัฐและคนที่มีชาติพันธุ์อื่นๆ ถลำลึกไปจนถึงการใช้ความรุนแรงเข้าแย่งชิงเอาดินแดนแห่งนี้ไปจากรัฐ การขับเคลื่อนการต่อสู้กับรัฐด้วยยุทธศาสตร์การสร้างความเห็นต่างแปลกแยกจากรัฐของคนกลุ่มนี้ เป็นการหล่อหลอมกล่อมเกลา บ่มเพาะให้คนในพื้นที่โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ให้หันมานิยมชมชอบแนวทางการเป็นปรปักษ์กับคนส่วนใหญ่ของแผ่นดินทีละน้อยจนถึงขั้นเกลียดชังอย่างสุดโต่ง เข้าสู่กระบวนการในการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ หากแต่ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ยุทธศาสตร์การต่อสู้ของคนกลุ่มนี้ ไม่สามารถเอาชนะด้วยกำลังได้ตามแผน ด้วยกำลังที่อ่อนล้าและการควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่จากรัฐที่ได้ผลมากขึ้น คนกลุ่มนี้จึงปรับยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนตามแนวทางสร้างความขัดแย้งด้วยอาวุธเดิม ไปเป็นยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนในแนวทางการต่อสู้ทางความคิดมากขึ้นๆ ในสภาวะที่กำลังการต่อสู้ในการสร้างความรุนแรงด้วยอาวุธของขบวนการร้ายแห่งนี้เริ่มอ่อนกำลังลง นักคิดในขบวนการจึงหันมาหล่อหลอมบ่มเพาะแนวคิดแปลกแยกแตกต่างอย่างเข้มข้นมากขึ้นอย่างลับๆ ผ่านกิจกรรมที่มีมากมายที่ซ่อนพรางสายตาของเจ้าหน้าที่รัฐได้อย่างแนบเนียนยิ่ง สภาวะที่ดูสงบราบเรียบในปัจจุบัน ด้วยการก่อเหตุรุนแรงเฉกเช่นเมื่อ 4 – 5 ปีก่อน จึงลดน้อยถอยลง หากแต่นั่น ไม่ได้หมายความว่าสงครามในสนามรบนี้ได้ยุติลงไปแล้ว ในทางกลับกัน แนวคิดแปลกแยกแตกต่างยังคงดำเนินต่อไปทั้งยังเข้มข้นมากขึ้น เฉกเช่นเดียวกับสภาวะในฮ่องกงในปัจจุบัน และในสภาวะที่ดูจะสงบราบเรียบในพื้นที่ชายแดนใต้ของไทย กลับยิ่งน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นๆ ด้วยการบ่มเพาะแนวคิดแปลกแยกแตกต่างให้เกิดขึ้นกับคนรุ่นใหม่ในพื้นที่อย่างทรงพลัง และรอเวลาที่จะเอาชนะในการต่อสู้ในรูปแบบใหม่ที่ไม่ต้องใช้อาวุธอย่างเช่นที่ผ่านมา ไปสู่การใช้ความรุนแรงทางความคิดแปลกแยกแตกต่าง ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมให้กับคนของพวกเขาที่จะเขาต่อสู้กับรัฐด้วยการเอาชนะทางความคิดในทุกแง่มุมและทุกเวทีแม้กระทั่งในเวทีโลก หากแต่การต่อสู้ทางความคิดที่รัฐไทยยังไม่ได้เตรียมความพร้อมให้มากพอหรือเท่าทันคนกลุ่มนี้ที่พร้อมเข้าสู่สนามรบเพื่อเอาชนะทางความคิดอย่างชาญฉลาด ก็คงคาดได้ไม่ยากว่าในท้ายที่สุดแล้วชัยชนะจะเป็นของฝ่ายใด