เสือตัวที่ 6 ในศตวรรษที่ 21 นี้ มนุษยโลกได้เรียนรู้อย่างซาบซึ้งถึงบทเรียนอันเจ็บปวดแสนสาหัสจากการคุกคามของภัยร้ายตัวจริงที่ดวงตามนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ นับเป็นภัยคุกคามต่อมวลมนุษยชาติตัวจริงที่กำลังคุกคามชีวิตมนุษย์อย่างบ้าคลั่งอย่างที่ประวัติศาสตร์ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ไม่มีนักอนาคตศาสตร์คนใดที่ล่วงรู้ถึงภัยร้ายจากสิ่งมีชีวิตที่เราเรียกว่าไวรัสโคโรนา 2019 ว่าจะเกิดขึ้นมาไล่ล่าชีวิตผู้คนอย่างกว้างขวางยิ่ง แม้มนุษย์ในโลกทุกวันนี้ จะพยายามหาวิถีทางในการต่อสู้กับภัยคุกคามตัวจริงสิ่งนี้ โดยการคิดค้นหาวัคซีนที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากไวรัสตัวนี้ หากแต่ก็เร็วเกินไปที่มนุษย์หน้าไหนจะหาญกล้ารับประกันได้ว่า ยาวัคซีนที่คิดค้นขึ้นมาดังกล่าวนี้ จะเป็นหลักประกันในความปลอดภัยของทุกชีวิตจากภัยร้ายตัวนี้ได้ 100% ด้วยในขณะที่วัคซีนที่มนุษย์พยายามคิดค้นขึ้นมานี้ ยังเป็นของใหม่ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ในขณะเดียวกัน สิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่า Covid-19 ยังมีการพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น มีการกลายพันธุ์ให้แข็งแกร่งมากขึ้นในการอยู่รอดและไล่ล่าชีวิตมนุษย์โลกอยู่ต่อไปทุกขณะ ด้วยในวันนี้ สถิติของผู้คนในโลกที่ตกเป็นเหยื่อของภัยคุกคามตัวใหม่นี้ ได้ชี้ให้เห็นถึงภยันตรายที่มนุษยโลก มิอาจปรามาสได้เลยแม้แต่น้อย จากข้อมูลเมื่อ 13 มกราคม 2564 มีรายงานว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของภัยคุกคาม Covid-19 ของโลกมีเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณทุกๆ วันอย่างน่าสะพรึงกลัว ด้วยการแพร่กระจายของสิ่งมีชีวิตที่เป็นภัยคุกคามมนุษยโลกตัวใหม่นี้สามารถทำได้ง่ายดายมากกว่าที่เชื้อโลกตัวใดเคยทำได้ ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ จะเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน อย่างไม่เห็นวี่แววถึงจุดสิ้นสุด และเมื่อดูรายประเทศทั่วโลกที่กำลังเผชิญกับภัยคุกคามต่อมนุษยชาติทั่วโลกอย่างทั่วถึง โดยไม่เลือกประเทศจนหรือประเทศรวย ไม่เลือกว่าจะเป็นประเทศด้อยพัฒนาหรือประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้วยภัยร้ายตัวใหม่นี้ได้คร่าชีวิตผู้คนและกดดันวิถีชีวิตทุกคนในโลกอย่างไม่น้อยหน้ากัน ก็พบว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก เมื่อวันพุธที่ 13 มกราคม 2564 เวลา 10.00 น. มียอดผู้ติดเชื้อรวม 92,006,165 รายอาการรุนแรง 110,081 ราย รักษาหายแล้ว 65,818,629 ราย เสียชีวิต 1,970,030 ราย สำหรับอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด อันดับ 1 คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 23,368,225 ราย อันดับ 2 คือ อินเดีย จำนวน 10,495,816 ราย อันดับ 3 ได้แก่ บราซิล จำนวน 8,195,637 ราย อันดับ 4 รัสเซีย จำนวน 3,448,203 ราย อันดับ 5 คือ สหราชอาณาจักร จำนวน 3,164,051 ราย โดยประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 128 มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 10,991 ราย ซึ่งนั่น เป็นเพียงตัวเลขจากการเจ็บและตายในห้วงวันดังกล่าว หากถึงวันนี้ ตัวเลขของผู้คนในแต่ละประเทศก็จะไม่หยุดนิ่ง เพราะภัยร้ายตัวนี้ คือภัยคุกคามตัวจริงที่มนุษยโลกได้รับบทเรียนอันเจ็บปวดมากที่สุดเท่าที่เคยเผชิญกับภัยคุกคามใดๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามจากน้ำมือมนุษย์ หรือเป็นภัยคุกคามที่ไม่ใช่มาจากน้ำมือมนุษย์ก็ตาม แม้ในประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นมหาอำนาจของโลกในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นมหาอำนาจทางการเมืองขงโลก มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ มหาอำนาจทางกองทัพอันเกรียงไกร หรือมหาอำนาจทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็ตาม ก็ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมือมัจจุราชอย่างภัยคุกคามที่ชื่อ Covid – 19 ไปได้ อาทิเช่น ของสหราชอาณาจักร โดยนาย บอริส จอห์นสัน ผู้นำทางการเมืองสูงสุดของสหราชอาณาจักร ยังสยบยอมต่อความร้ายกาจของภัยคุกคามตัวจริงนี้ โดยกล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ในสหราชอาณาจักร อยู่ในระดับอันตรายสูงสุด เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังอยู่ในระดับสูงเกินกว่าที่สถานพยาบาลจะรองรับได้ และอาจส่งผลให้เกิดวิกฤติด้านสาธารณสุข ซึ่งรัฐบาลอาจต้องปรับเพิ่มมาตรการป้องกันโรคให้เข้มงวดขึ้น โดยสหราชอาณาจักรได้เปิดศูนย์บริการวัคซีนขนาดใหญ่ 7 แห่ง เพื่อเร่งฉีดวัคซีนแก่ผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงภายในห้วงกลาง ก.พ. 64 ปัจจุบัน มีผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 2.3 ล้านคน โดยตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ได้สัปดาห์ละ 2 ล้านคน เพิ่มจากปัจจุบันอยู่ที่วันละ 200,000 คน ในขณะที่สถานการณ์ประเทศไทย ข้อมูลใน 13 มกราคม 2564 พบว่ามีผู้ติดเชื้อสะสม 10,991 ราย (เพิ่มขึ้น 157 ราย) มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 157 ราย (เดิม 287 ราย) รักษาอยู่ รพ. 3,981 ราย (ลดลง 54 ราย) รักษาหาย 6,943 ราย และมีผู้เสียชีวิต 67 ราย และตัวเลขผู้ตกเป็นเหยื่อเหล่านี้ ก็จะเพิ่มขึ้นต่อไป แม้ว่าประเทศไทยจะห่างหายจากการคุกคามของภัยร้ายนี้มาระยะหนึ่ง หากแต่มันก็ไม่ได้หายไปจากประเทศไทยหรือที่ใดๆ ในโลกไปโดยสิ้นเชิง เพราะภัยคุกคามร้ายตัวนี้ พร้อมที่จะกลับมาทำลายวิถีชีวิต และชีวิตมนุษยโลกได้ทุกที่ทุกเวลาจากสถานการณ์อำนวย ในขณะที่ความร้ายกาจของมนุษย์โลกด้วยกันที่เคยใช้วิถีอัตลักษณ์ วัฒนธรรม วิถีการดำเนินชีวิต ชาติพันธุ์ ความเชื่อทางศาสนาของมนุษย์ที่หลากหลายและสวยงาม กลับมาใช้ความหลากหลายเหล่านั้นเป็นเครื่องมือในการแบ่งเขาแบ่งเรา สร้างความแตกต่าง บาดหมางระหว่างมนุษยโลกด้วยกัน จนถึงขั้นเข้าห้ำหั่นเอาชีวิตกันและกันอย่างโง่เขลาในทั่วทุกมุมโลก และลุกลามจนมาเป็นการก่อการร้ายไปทั่วอย่างไม่มีเหตุผลที่สามารถยกมารองรับการเข่นฆ่ากันเองของมนุษยโลกได้เลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งในพื้นที่ปลายด้ามขวานของไทยที่ตกเป็นเหยื่อของกระแสการแบ่งแยกมนุษยโลกให้เห็นเป็นมิตรเป็นศัตรูระหว่ามนุษยโลกด้วยกัน จนหลงลืมไปว่า ทุกชีวิตมนุษย์บนโลกใบนี้ล้วนเป็นเพื่อนกันที่ควรตระหนักในการอยู่ร่วมกันเพื่อรวมพลังกันเผชิญหน้ากับปรากฏการณ์ใหม่ๆ สิ่งใหม่ๆ ในโลกที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างที่คาดเดาไม่ได้ เช่นเดียวกับที่มนุษยโลกกำลังเผชิญชะตากรรมเดียวกันจากภัยคุกคามตัวใหม่ที่เราขนานนามว่า Covid-19 ในขณะนี้ Covid-19 ที่กำลังไล่ล่า กดดันวิถีผู้คนให้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ที่กำลังเข่นฆ่าชีวิตผู้คนในโลกให้ต้องเจ็บป่วยและเสียชีวิตไปอย่างทุกข์ทรมาน ล้วนเป็นบทเรียนราคาแพงที่มนุษย์ทุกชาติทุกภาษา ทุกกลุ่มคนทุกชาติพันธุ์ ทุกความเชื่อทางศาสนาใดๆ ให้ตระหนักว่า ถึงเวลาแล้วที่มนุษยโลก จะต้องละวางความแตกต่างหลากหลาย ความเชื่อที่ล้าหลังไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ และต้องเร่งหันมารวมพลังความคิด หลอมรวมพลังสติปัญญา พลังความทันสมัย เพื่อเข้าเผชิญหน้ากับภัยคุกคามตัวใหม่ที่ชื่อ Covid-19 ให้ได้โดยเร็ว เพราะ Covid–19 จะไม่ใช่เพียงโรคร้ายที่มาทำลายชีวิตผู้คนในโลกอย่างที่เคยเกิดขึ้นมา หากมนุษย์ทุกกลุ่มที่เคยเป็นศัตรูกัน ไม่ละวางอดีตที่โง่เขลาเหล่านั้น มันคือภัยคุกคามตัวจริงที่มนุษย์กำลังพ่ายแพ้มันอย่างสิ้นเชิง