แสงไทย เค้าภูไทย
มีคำถามที่ไม่มีใครอยากตอบในวันนี้ก็คือ โควิด-19 จะไปจากบ้านเราเมื่อใด? ไปแล้วจะกลับไปเหมือนเดิมไหม ?
คำตอบที่มีให้ได้ในขณะนี้ก็คือ กว่าการระบาดจะสิ้นสุด คนไทยมีภูมิคุ้มกันหมู่ ก็คงจะเลยสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ด้วยความคาดหวังจากวัคซีนเป็นตัวชี้
ขณะนี้ จำนวนประชากรไทยมีทั้งสิ้น 66 ล้านคน กว่าจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ก็ต้องมีผู้ที่มีภูมิคุ้มกัน ทั้งจากการฉีดวัคซีนและจากการหายจากการป่วยจากการติดเชื้อโคคิด-19 รวมกันแล้วคิดเป็น 80% ขึ้นไป
นั่นหมายถึงคนไทยที่มีภูมิคุ้มกันโควิด-19 จะต้องมีจำนวน 52.8 ล้านคนขึ้นไป
ภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) คือ ชุมชนหรือสังคมมีภูมิคุ้มกันโรคระบาดเกิดขึ้นในสัดส่วนของจำนวนประชากรที่มีภูมิคุ้มกันมากกว่าจำนวนประชากรที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน เช่น 80% ของจำนวนประชากรทั้งหมด อันจะทำให้การระบาดของเชื้อโรคจากคนสู่คนมีโอกาสน้อย หรือไม่มีเลย
ภูมิคุ้มกันหมู่นี้ เกิดได้ทั้งตามธรรมชาติ อย่างเช่นขณะนี้คนที่หายป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อหายจากโรคแล้ว ก็จะมีภูมิคุ้มกันไวรัสนี้ คือไม่ป่วยด้วยการติดเชื้อนี้อีก แม้เมื่อได้รับเชื้อซ้ำ
กับภูมิคุ้มกันจากการได้รับวัคซีน โดยเลียนแบบการติดเชื้อตามธรรมชาติ โดยการนำซากไวรัส หรือเชื้อที่ยังไม่ตาย แต่ทำให้ฤทธิ์อ่อนลง ฉีดเข้าไปในร่างกาย ทำตัวเป็นผู้บุกรุก (antigen) ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายก็จะสร้างภูมิต้าน (antibody) ออกมากำจัดผู้บุกรุก
ถ้าเอาตัวเลขผู้ติดเชื้อแล้วหายป่วยออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันจันทร์ ตอนนี้เรามีผู้มีภูมิคุ้มกันโควิด-19 ตามธรรมชาติอยู่ 10,662 คนแล้ว
ถ้าจะให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ก็จะต้องทำให้คนไทยอีก 52,789,378 คนเกิดภูมิคุ้มกันด้วย
คนป่วยอยู่ในโรงพยาบาล 13,687 คน เมื่อหายดีแล้ว คงไม่ช่วยให้ตัวเลขเขยิบมากนัก เว้นเสียแต่จะฉีดวัคซีนให้คนไทยอีก 52.8 ล้านกว่าคนทั้งหมด
ความสามารถในการนำวัคซีนมาฉีดและ ความสามารถในการฉีดวัคซีนให้คน 52.8 ล้านคนคงต้องใช้เวลาค่อนปีหรือเป็นปี
สมมุติว่า ขีดความสามารถในการฉีดวัคซีนของแพทย์ไทยมีได้วันละ 100,000 คน จะต้องใช้เวลาถึง 528 วัน คิดเป็นปี/เดือน ก็ 1 ปี 5 เดือน
ถ้าได้วัคซีนมาสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ฉีดได้ต้นเดือนหรือกลางเดือนมีนาคม กว่าจะฉีดได้ครบ 52.8 ล้านคนก็ใช้เวลา 1 ปี 5-6 เดือน
ตกเอาเดือนสิงหาหรือกันยายน 2565
ถึงเวลานั้น เราถึงจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งหมายถึงว่าจะไม่มีการระบาดหรือติดเชื้อกันแบบแพร่ระบาดอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้
แต่ก็อาจมีบ้างที่มีการติดเชื้อซ้ำและเกิดอาการโรค ซึ่งก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่ามากน้อยเพียงใด เพราะวัคซีนที่เร่งรีบกันผลิตนี้ ยังให้ความแน่นอนในการป้องกันไวรัสโคโรน่าตัวนี้ได้ไม่ถึง 100% ที่มากที่สุดก็ 94-95%
นอกจากนี้ คนที่มีภูมิ antibody แล้ว ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ภูมิต้านไวรัสตัวนี้จะอยู่ในร่างกายได้นานแค่ไหน
แต่เท่าที่มีการทำวิจัยทดลองทางคลินิกมา 6 เดือน พบว่า มันจะเหลือภูมิอยู่ครึ่งหนึ่ง (half-life) ในราว 73 วัน และจะหมดไปทั้งหมดใน 83 วัน
ทว่าก็ไม่ได้หมายความว่า มันจะหมดแล้วหมดเลย ระบบภูมิคุ้มกันจะสร้างความจำ จดจำศัตรูของมันไว้ เมื่อมาบุกรุกอีก มันก็จะสร้างกองกำลังหรือภูมิต้านออกมาสู้หรือต้านทานใหม่อีก
จากการที่ต้องใช้เวลายาวนานถึงเลยกลางปีหน้า ไวรัสจึงจะหยุดการแพร่ระบาดรวมเวลากว่าปีครึ่ง ทำให้ต้องใช้เวลากับความอปกตินี้กันไปอีกนาน
เพราะไวรัสโคโรนาสายพันธุ์นี้ คงจะไม่ไปไหนไกล มันจะเป็นเหมือนไข้หวัดใหญ่ ที่กลายเป็นไข้หวัดประจำถิ่น ประจำฤดูกาล
คนไทยจึงต้องอยู่กับสภาพ new normal หรือความปกติใหม่ไปจนกลายเป็น normal ที่ไม่ใช่ normal แบบก่อนเกิดการระบาดเมื่อปลายปีที่แล้ว
ไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว