แสงไทย เค้าภูไทย ฝนตกน้ำท่วมเกือบมิดหลังคารถย่านนิคมอุตสาหกรรมบางปู ส่งสัญญาณว่า กรุงเทพฯจะจมน้ำอีกครั้ง ไม่ว่าจะจากฝนหนักปลายปี หรือน้ำทะเลหนุน โครงการสร้างเขื่อนปิดก้นอ่าวแก้ปัญหาเด็ดขาดหายเงียบอีกครา ฝนตกหนักเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำน้ำท่วมพื้นที่ย่านนิคมอุตสาหกรรมบางปูสูงขนาดเกือบมิดหลังคารถเก๋ง ขณะที่พัทยาน้ำท่วมพื้นที่ในส่วนตัวเมืองระดับล้อรถ เป็นสัญญาณเตือนว่าอุทกภัยธรรมชาติที่จะเกิดบริเวณพื้นที่รอบก้นอ่าวไทย จะเกิดรุนแรงขึ้น ถี่ขึ้น ป้องกันยากขึ้น ยิ่งมีการพยากรณ์อุตุนิยมวิทยากันว่า ฝนท้ายพรรษาจะตกหนัก ซ้ำน้ำทะเลหนุน กรุงเทพฯจะจมน้ำอีกรอบซ้ำปี 2554 พื้นที่เสี่ยงจมน้ำจากน้ำทะเลอยู่บริเวณแนวเสี้ยววงกลมรอบก้นอ่าวไทย ตั้งต้นจากปากแม่น้ำบางปะกง เลาะมาปากน้ำสมุทรปราการ ปากน้ำเจ้าพระยา ไปยังสมุทรสาคร สมุทรสงคราม สิ้นสุดที่แหลมผักเบี้ย เพชรบุรี ก้นอ่าวนี้ เคยอยู่ในโครงการส้รางเขื่อนกั้นแบบซุยเดอซีของเนเธอร์แลนด์ซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เรียกโครงการว่า เขื่อนกั้น “สามสมุทร หนึ่งมหานครา สี่มหานที” ด้านหลังเขื่อนจะเป็นพื้นที่รอดพ้นจากน้ำท่วม แม้จะต่ำกว่าระดับน้ำทะเลขนาดพื้นที่ประมาณ 16,000 ตารางกิโลเมตร บางปู กรุงเทพฯ อยู่ในเขตนั้น รวมเป็น สามสมุทร-ปราการ- สาคร -สงคราม กับหนึ่งมหานครากรุงเทพฯ สี่มหานทีคือบางปะกง เจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง โครงการนี้ดำริขึ้นในยุคทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่มีการดำเนินการเพราะถูกคัดค้านหัวฝาจากฝ่ายต้านทักษิณ ตอนนั้นประเมินมูลค่าโครงไว้ 160,000 ล้านบาท แต่มาปี 2558 มีการหยิบยกขึ้นมาพูดในสภาปฏิรูป ราคาค่าก่อสร้างพุ่งพรวดไปถึง 500,000 ล้านบาท เขื่อนแห่งนี้ บนสันเขื่อนจะเป็นซูเปอร์ไฮเวย์กว้าง 90 เมตร สำหรับรถบรรทุกสินค้าที่มาจากภาคใต้ ข้ามอ่าวมาท่าเรือแหลมฉบัง นิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก สนามบินสุวรรณภูมิ ย่นระยะทางจากเส้นทางปกติได้ราว 200-300 กิโลเมตร แม้จะไม่เจอฝนหนัก กรุงเทพฯก็เสี่ยงจมน้ำ เหตุอยู่ไกลจากปากแม่น้ำเจ้าพระยาเพียง 30 กิโลเมตรเท่านั้น ขณะที่กรงเทพฯทรุดตัวทุกปี ระดับต่ำกว่าระดับน้ำทะเลเฉลี่ย 0.50 เมตร โดยจุดต่ำสุดอยู่ย่านรามคำแหง 1.55 เมตร ระดับน้ำทะเลนับวันแต่จะสูงขึ้น ล่าสุดสูงขึ้นปีละ 3.2 มิลลิเมตรโดยเฉลี่ย เหตุจากโลกร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกทั้ง 2 ละลายมากขึ้น ในอีก 9 ปีข้างหน้า หากไม่ทำอะไรเลย มหานครที่เข้าข่ายจมน้ำทั้งเมืองจะได้แก่ กรุงเทพฯ ธากา จาการ์ตา มะนิลา มุมไบ จิมินห์ซิตี้ และเซี่ยงไฮ้ แต่เซี่ยงไฮ้กับโฮจิมินห์ซิตี้ ชิงสร้างเขื่อนกั้นเมืองหนีน้ำทะเลท่วมไปก่อนแล้ว จาการ์ตาเป็นมหานครที่ทรุดตัวเร็วที่สุดในโลก โดยอัตราทรุดตัวปีละ 25.4 เซนติเมตร ส่วนกรุงเทพฯที่แออัดด้วยอาคาร บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ทำให้แผ่นดินทรุดตัวลงปีละ2 เซนติเมตร คำนวณว่ากรุงเทพฯ จะจมน้ำค่อนเมืองใน 15 ปีข้างหน้านับจากปี 2015 ก็จะตกปี 2030 คือ 9 ปีข้างหน้า ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะสร้างเขื่อนปิดก้นอ่าวดีหรือจะสร้างล้อมพื้นที่น้ำท่วมเป็นเขตๆดี อย่างย่านบางปูนั้น หากทำเขื่อนดินกั้นล้อม จะใช้งบประมาณก่อสร้าง 970 ล้านบาท กรุงเทพฯมีพื้นที่ต่ำที่เข้าข่ายน้ำท่วมขังหากฝนตกหนักอยู่ 15 เขต 6 เขตเสี่ยงน้ำทะเลหนุนท่วม จะสร้างกรุงเทพฯใหม่หนีน้ำ ก็ช้าไปเสียแล้ว เคยอยู่เป็นมนุษย์น้ำริมคลองเวนิสตะวันออกในอดีตอย่างไร ก็คงต้องย้อนกลับไปเป็นมนุษย์น้ำกันอย่างนั้น