บุญส่ง ชเลธร วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต สถาบันพระปกเกล้าเป็นสถาบันทางวิชาการที่มีชื่อเสียงเป็นลำดับต้นๆของประเทศ แม้จะไม่แจกปริญญาตรี โท เอก แบบสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาทั่วๆไปไม่ว่าจะเป็นของรัฐหรือเอกชน แต่หลักสูตรวิชาการที่เสนอออกมาโดยสถาบันพระปกเกล้าก็มีคนแห่แหนเข้าสมัครเรียนกันมากมาย จนต้องมีการคัดคนออก หรือจำเป็นต้องเลือกคนที่เข้ามาเรียน โดยเฉพาะบางหลักสูตรอย่าง 4ส การสร้างเสริมสังคมสันติสุข หรือ ปปร. การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง ที่จัดขึ้นโดยใช้งบประมาณแผ่นดินเพื่อเปิดโอกาสให้คนในภาคส่วนต่างๆได้มีโอกาสเข้าศึกษาเพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจต่อประเด็นในองค์ความรู้ด้านนั้นๆมากขึ้น ถือเป็นโครงการที่ได้รับการยอมรับและกล่าวถึงกันทั่วไป ในขณะที่หลักสูตรอื่นๆกว่า 30 หลักสูตร ผู้เข้ารับการศึกษาต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของตนเอง กระนั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบต่อสถาบันพระปกเกล้า แม้จะไม่มากและจำกัดอยู่ในวงแคบๆแต่ก็มีอยู่เนืองๆ เหมือนคลื่นใต้น้ำ แต่กล่าวได้ว่าคำวิจารณ์ทั้งหลายแทบจะไม่พูดถึงการจัดการเรียนการบรรยายโดยผู้ทรงคุณวุฒิหรือตำหนิติติงในเนื้อหาวิชาที่สอนเลย เพราะเป็นที่รู้ๆกันว่า เนื้อหาในแต่ละหลักสูตรค่อนข้างเข้มข้น น่าสนใจ และเป็นประโยชน์ ทั้งอาจารย์หรือวิทยากรผู้บรรยายแต่ละคนก็นับได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริง หลายๆท่านไม่จำเป็นต้องมีดีกรีด็อกปะหน้าชื่อ แต่มีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในวงสังคมและแวดวงวิชาการ ไม่ใช่คนที่เรียกตัวว่าเป็นอาจารย์แบบในหลายๆแห่งที่สอนเป็น โดยการอ่านและจำมาจากตำราเล่มเดียว อย่างที่สามารถพบเห็นได้ทั่วๆไป การเป็นสถาบันการศึกษาประเภทจ่ายครบจบแน่(ของหลายแห่ง) ก็จึงไม่ใช่เรื่องเร้นลับ แต่เป็นเรื่องรู้ๆกันแบบอึงคะนึงทั้งในแวดวงการศึกษาและนอกวงการศึกษาว่ามีที่ไหน อย่างไร และหากินกันในลักษณะที่น่าละอายขนาดไหน แต่พระปกเกล้ามิใช่สถาบันแบบนั้นที่นี่ไม่จำเป็นต้องมีใบปริญญามาล่อ หรือเตรียมไว้ยื่นให้กับผู้ที่เอาธนบัตรมาจ่าย ถ้าผู้เรียนเข้าเรียนและใส่ใจแล้ว ประโยชน์ที่ได้รับจะล้นเหลือ ข้อวิจารณ์ที่สถาบันพระปกเกล้าโดนอยู่เป็นประจำ มีเพียงว่าเป็นสถาบันทางวิชาการที่เปิดโอกาสให้คนในภาคส่วนต่างๆทั้งหน่วยงานของรัฐกับหน่วยงานรัฐ เอกชนกับเอกชน และเอกชนกับรัฐ ได้มาพบกัน เขาบอกว่านี่คือการสร้าง connection และการมี connection อันเป็นการรู้จักมักคุ้นกัน เชื่อมโยงกันของคนหลายๆส่วนเข้าด้วยกัน คือสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คือความผิด คนวิจารณ์บางคนก็ถึงกับเสนอให้ยุบทิ้งสถาบันพระปกเกล้าเอาเลยทีเดียว เพราะการที่สามารถดึงดูดให้คนมาเชื่อถือศรัทธาเข้ามาเรียนกันได้มากๆ จนเป็น connection กันนั้น คือความเลวร้ายไปเสียแล้ว เพราะจะทำให้คนเหล่านี้เกิดการเกรงใจกัน ช่วยเหลือกัน กินการจัดซื้อจัดจ้าง ฮั้วประมูล และทำการทุจริตร่วมกันคิดไปได้ไกลถึงขนาดนั้น น่าแปลกที่ไม่คิดว่า การมี connection สามารถนำไปสู่สิ่งที่ดีๆได้มากมาย บุคคลในต่างหน่วยงานต่างองค์กรกันได้เข้าใจกันมากขึ้น การประสานงาน การร่วมมือกันก็สามารถเป็นไปได้มากขึ้น อันหมายถึงประโยชน์ต่องานที่ส่งผลไปถึงส่วนรวมก็จะเป็นไปด้วยดีมากขึ้นด้วย ถามว่าถ้าไม่มาพบปะกันที่สถาบันพระปกเกล้าในการเรียนร่วมกัน คนที่คิดจะคอร์รัปชั่น และกระทำการอันเลวร้ายต่อแผ่นดินจะไม่มีโอกาสเลยหรือจะซอกแซกหากัน ร่วมมือกัน ดังนั้น การเรียนร่วมกัน กับการคิดหาพวกกระทำการทุจริตร่วมกันจึงเป็นคนละประเด็นที่ไม่ควรมาปะปนกัน สถาบันพระปกเกล้าเป็นสถาบันทางวิชาการ ถ้าจะวิจารณ์ก็ต้องวิจารณ์เรื่องหลักสูตรว่าดีเลวอย่างไร เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมหรือไม่ รวมไปถึงอาจารย์และวิทยากรผู้บรรยายมีความรู้ความสามารถจริงไหม สามารถสอนหรือบรรยายให้ความรู้กับผู้เรียนได้จริงๆหรือไม่ไม่ใช่เอาประเด็นที่เพิ่งเกิดเมื่อเร็วๆนี้ว่านักศึกษาในหลักสูตรหนึ่ง ขออนุญาตทางการรถไฟเพื่อนั่งรถไฟฟรี แถมขอกินอาหารบนรถไฟฟรีอีกด้วย แล้วทางการรถไฟก็อนุญาต คนก็ด่ากันขรมว่าไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้นำมาวิพากษ์วิจารณ์กันได้ว่าเหมาะสมหรือไม่ สมควรขนาดไหน เสียจริยธรรมคุณธรรมอย่างไร แต่ไม่ใช่เอาเรื่องที่ไม่ได้กระจ่างเลยว่าเป็นความผิดชัดเจนมาเป็นเหตุของการป้ายสี และคิดจะทำลายสถาบันพระปกเกล้า จะเป็นการติเรือทั้งโกลน ติโขนไม่แต่งตัวมากเกินไปหรือเปล่า