ชัยวัฒน์ สุรวิชัย • สมาคมสหพันธ์เกษตรกรเพื่อการพัฒนา (สกพ. ) 2547- 2550 เลขที่ 1 ซอยวิภาวดีรังสิต 42 ถนนวิภาวดี-รังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 E-mail: [email protected] • ประวัติ สมาคมสหพันธ์เกษตรกรเพื่อการพัฒนา ประเทศไทย (สกพ.) Farmer’s Federations Association for Development Thailand (SorKorPor) สกพ. เป็นองค์กรเกษตรกรระดับประเทศที่เป็นนิติบุคคล จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีโครงสร้างระดับชาติ-ภาค-จังหวัด-ตำบล มีคณะกรรมการบริหาร, คกก.ดำเนินงานงเป็นเกษตรกร มีสำนักงานทั้งในระดับชาติ และระดับภาค มีสมาชิกประเภทองค์กร และบุคคล รวม 40,000 คน แบ่งพื้นที่ดำเนินการออกเป็น 10 ภาค คือ ภาคเหนือบน เหนือล่าง ภาคกลาง ภาคใต้บน ใต้ล่าง ภาคอีสานเหนือ กลาง ใต้ และ ภาคตะวันออก-ตะวันตก มีการสนับสนุนด้านงบประมาณ, วิชาการจากมูลนิธิอะกริเทอร่า และองค์กรเกษตรกร ZLTO ประเทศเนเธอร์แลนด์ และเป็นสมาชิกขององค์กรเกษตรกรแห่งเอเชีย (AFA) • บุคคลสำคัญในก่อตั้ง ดร.ยุกติ สาระกภูติ อ.ผสม เพชรจำรัส น.ส.สุดาพร สิทธิสถาพรกุล ฯลฯ ดร.ยุกติ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรฯ อดีตอธิบดีกรมส งเสริมการเกษตร. อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร อาจารย์ผสม เพชรจำรัส นักวิชาการจากมหาวิทยาเกษตรฯ และนักปฏิวัติ ฯลน น.ส.สุดาพร สิทธิสถาพรกุล นักกิจกรรมที่มีอุดมคติ ทำงานแน่วแน่ ทุ่มเทให้เกษตรกร และสังคมฯ และผู้นำเกษตรกรภาคต่างๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ที่ได้มีบทบาท ร่วมงานกันในช่วงทำงาน ที่สกพ. • ปู่จิ๊บ ได้รับการเชิญชวน จากคุณแป๋ว “น.ส.สุดาพร สิทธิสถาพรกุล” ให้มาช่วยงานชั่วคราวฯ แต่ทำงานในองค์กรเกษตรกรระดับประเทศและภูมิภาคนี้ มายาวนาน ในตำแหน่งเลขาธิการ สกพ. ในการทำงาน ได้ให้ “กรรมการที่มาจากเกตรกรทั่วประเทศเป็นหลักในการตัดสินใจ”โดยเลขาฯ ได้เตรียมงานทุกอย่าง เสนอให้คิดและพิจารณา แล้วจึงนำไปปฏิบัติ คณะกรรมการฯ โดยเฉพาะ คุณสุดาพรฯ ที่เป็นนายกฯและเป็นกรรมการฯ และกรรมการที่เอาการเอางาน ได้ร่วมกับเลขาฯ สร้างผลงานให้ “สกพ.” มีผลงานที่โดดเด่น ได้รับการยอมรับทั้งภายในและต่างประเทศ” เอาเรื่อง ”ทุนรอน” ขององค์กรฯ จากไม่มี และมีน้อย ได้ร่วมกันสร้างขึ้นมา จนมีเงินมากพอที่จะซื้อตึก เป็นที่ทำการของตนเอง จากการที่ต้องเช่าอยู่ในระยะเวลาหนึ่ง หลักการ คือ การสร้างงานขึ้นมาทั้งในระดับชาติ ส่วนกลางและระดับภูมิภาค นอกจากที่ ได้รับการอุดหนุน งบประมาณ, วิชาการ ฯลฯ จากมูลนิธิอะกริเทอร่า และองค์กรเกษตรกร ZLTO โดยทางสำนักงานฯ ตั้งแต่เลขาธิการฯลงไป “เงินเดือน” ได้เสนอปรับขึ้นตามองค์กรเกษตรกร AFA แต่เจ้าหน้าที่รับเพียงส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งนำเข้าสมทบเป็นเงินคงคลังให้สกพ. และในการทำงาน ที่มีงบประมาณ จะจัดจ้างหน่วยงานและบุคคลภายนอกมา ปู่จิ๊บ-เจ้าหน้าที่ก็ทำเอง และการทำงานที่สกพ. ได้รับมอบหมายของมูลนิธิ และ AFA ให้จัดการในประเทศไทย เราก็สามารถเจียดงบฯ นำเข้าสู่กองกลางได้ รวมทั้งการหางบเพิ่มเติมของนายกฯและกรรมการฯ • ในการทำงานสกพ. ปู่จิ๊บทั้งทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ และกรรมการ และการทำงานด้วยตนเอง อย่างไม่มีวันหยุด เพราะ “งานบริหารจัดการ กับ เกษตรกร” มีลักษณะพิเศษ และไม่ง่ายนัก และ มีปัญหา “ผู้นำเกษตรกรไทย” ที่มาทำงานในองค์กรเกษตรกร หรืองานเอ็นจีโอ งานภาคประชาชน จะละทิ้งฐานงานด้านการเกษตรและการผลิต ทำให้ไม่มีรายได้ประจำ และไม่มีฐานมวลชน-การผลิตฯลฯ รายได้ของเขา จึงมาจาก “เงินและงานขององค์กร” ที่เขาสังกัดฯ และในช่วงที่มี “ความขัดแย้งระหว่างสี” มีผู้นำเกษตรกรบางสี สร้างประเด็นต่อตัวเลขาธิการฯ ทำให้ทำงานได้ยากขึ้น แต่ปู่จิ๊บก็คงสามารถทำงานได้ เพราะ “ไม่มีใครมาทำงานได้ดีเท่า” • งาน นอกจากการทำงานในส่วนกลาง การประสานกับหน่วยงานของรัฐ และงานต่างประเทศ ก็ต้องลงพื้นที่ไปประชุมและพบปะกับ กรรมการและเกษตรกร ของภาคต่างๆ แต่ไม่มีปัญหาสำหรับปู่จิ๊บ ที่ผ่านงานเกษตรกร มาตั้งแต่หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 จากงานของกลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ( ปช.ปช) และพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยรวมทั้งการทำงานจัดตั้ง “สภาเกษตรกรแห่งชาติ” ช่วงที่ทำสถาบันพัฒนการเมืองฯ ที่ตึกช้างฯ • การทำงานร่วมกับองค์กรเกษตรกรเอเชีย AFA ที่ต้องเดินทางไปร่วมประชุมกับนายกสกพ.หลายครั้ง การนำคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่สกพ.ไปดูงาน ที่เนเธอแลนด์ และWORLD FORUM แคว้นบาส สเปญ ซึ่งได้ผลดี ได้แสดงศักยภาพของเกษตรกรไทยและเจ้าหน้าที่ ให้เป็นที่ยอมรับของเขา และทำให้ตัวปู่จิ๊บและสกพ.มีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น เพราะได้เห็นความสำเร็จของการสร้างองค์กรเกษตรกร ที่สร้างพัฒนาเกษตรกรให้มีบทบาทเป็นที่ยอมรับของรัฐบาลและอียู โดยเน้นนโยบาย งานวิชาการและการผลิตฯ • แต่เป็นที่น่าเสียดาย เพราะหลังจากที่ปู่จิ๊บออกมา เพื่อทำภารกิจใหญ่ในเรื่องของบ้านเมือง มีการจัดหา “เลขาธิการใหม่” ที่มาจากนักวิชาการและผู้ชำนาญการระดับประเทศ แต่ไม่เคยทำงานเกษตรกร จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเกษตรกร และไม่เข้าใจระบบการทำงานที่ผ่านมาของสกพ.และองค์กรระหว่างประเทศ งานจึงหยุดชะงักไป และเกิดปัญหาในการทำงานขององค์กรฯ ทั้งจากตัวเลขาฯและกรรมการบางส่วนฯ • ขอยกรูปธรรมงานในช่วงที่ ปู่จิ๊บ เป็นเลขาธิการฯ โดยการเชิญ นายกสุรยุทธ์ มาร่วมงานสมัชชาสกพ. "สุรยุทธ์" รับ 7 ข้อเสนอสมาพันธ์เกษตรกร เตรียมตั้งสภาเกษตรกรแห่งชาติ 1 พ.ย.2549 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสมัชชาใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 3 สมาคมสหพันธ์เกษตรกรเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ที่ศูนย์วิศวกรรมการเกษตร ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี โดยมีสมาชิกเข้าร่วม 130 คน จาก 10 ภาคทั่วประเทศ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ชีวิตตนพื้นฐานก็เป็นเกษตรกร เพราะคุณยายและคุณแม่ก็เป็นชาวสวนอยู่คลองบางซื่อ ซึ่งปัญหาเกษตรกรก็คือ ไม่มีข้อมูลเรื่องราคาและไม่มีอำนาจในการต่อรองกับพ่อค้า ซึ่งการรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์ก็จะทำให้เกษตรกรมีอำนาจต่อรองมากขึ้น แต่ที่ผ่านมาสหกรณ์ล้มเหลวก็เนื่องจากมีการโกงกัน เราจึงต้องเลือกคนที่มีคุณภาพ ความซื่อสัตย์ พร้อมทั้งให้มีระบบตรวจสอบที่เข้มแข็งด้วย จะพยายามแก้ไขปัญหาของเกษตรกรให้มากที่สุด เพราะเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ถ้าเกษตรกรยืนอยู่ไม่ได้ประเทศก็ล้มลุกคลุกคลาน รัฐบาลจะหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่ เท่าที่จะทำได้เต็มความสามารถ โดยจะจัดลำดับความเร่งด่วนของปัญหา “ปัญหาของเกษตรกร เกิดจากตัวเกษตรกร เกิดจากรัฐ แต่ทุกปัญหาสามารถแก้ได้ถ้าเรามีสติ โดยต้องพิจารณาว่า เกิดจากสาเหตุอะไร ถ้าหาเหตุผลพบก็จะมีทางออกเสมอ แต่หากไม่พบ ก็แก้ยากเหมือนลิงแก้แห ยิ่งแก้ก็ยิ่งพันกัน” พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวช่วงท้ายของการประชุม น.ส.สุดาพร สิทธิสถาพรกุล นายกสมาคม ได้ยื่นข้อเรียกร้อง 7 ข้อ เช่น ขอให้รัฐวางโครงสร้างพื้นฐานสังคมให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชนทุกฝ่าย ซึ่งเป็นต้นเหตุของความยากจน และหนี้สินเกษตรกร และขอให้แก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ขอให้ตั้งสภาเกษตรกรแห่งชาติ ขอให้รับรองสิทธิ บทบาท และการมีส่วนร่วมของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย ttp://www.komchadluek.com • และขอนำบทรำลึกพิเศษ รำลึกอาจารย์ผสม เพชรจำรัส นักปฏิวัตินักประชาธิปไตยของนักศึกษาประชาชนไทย ขอนำเพลงสหายและเนื้อร้อง มารำลึกและคาราวะอาจารย์ผสม ผู้เป็นที่รักเคารพยิ่ง เพลง สหาย นักปฏิวัติ เราไม่เคยกลัวตาย แม้ร่างกาย ต้องมลาย ดับสูญ อุทิศชีวิต เพื่อประชา สุขสมบูรณ์ จักเทิดทูน อุดมการณ์ นิรันดร์ไป ฯ นี่คือ เนื้อแท้ของภาพที่ปรากฏต่อหน้า ตลอดช่วงเวลา กว่า 40 ปี ที่ได้รู้จักอาจารย์ผสม ผู้มีอุดมคติ มีอุดมการณ์ จะเรียกว่านักประชาธิปไตยที่แท้จริงหรือนักปฏิวัติของประเทศนี้จักต้องเสียสละไปตลอด • หลัง 6 ตุลาคม 2516 สนิทคุ้นเคยกันมากยิ่งขึ้น ในช่วงการต่อสู้ที่แหลมคมของชีวิต ที่ได้ร่วมกับพคท.พสท. “คณะกรรมการประสานงานผู้รักชาติรักประชาธิปไตย” ( กป.ปช.) อ.ผสม เพชรจำรัสหรือสหายเริง ที่เริงร่ายิ้มแย้มแจ่มใส พูดสนุก ไม่เคยทุกข์ และเมื่อออกมาจากป่าใหญ่ สู่นาคร ไม่มีธงแดงมาปักกลางนคร ตามคาดหวังที่ตั้งใจ อ.ผสม ก็คงยังทำงานเดินหน้าต่อ โดยใช้ชีวิตช่วงหนึ่งหารายได้เพื่อเจื้อจุนครอบครัว เป็นอาจารย์ผสม สหายเริง สหายสมุทร และเป็นผู้มีอุดมคติที่ไม่เคยลดน้อยถอยลง ความรักฉันท์สหายของมิตรอาวุโส ที่มีต่อน้องๆและลูกศิษย์ลูกหา เรียกอาจารย์ได้อย่างเต็มปาก เรียกสหายนักปฏิวัติได้อย่างเต็มคำ อาจารย์ผสม เพชรจำรัส ของประชาชนที่รักชาติรักประชาธิปไตย สามีและคุณพ่อของภรรยาและครอบครัว เพชรจำรัส อาจารย์ผสม จากพวกเราไปเพียงกาย แต่จิตวิญญาณความรักชาติรักประชาธิปไตย รักและหวังดีต่อทุกคน ยังคงอยู่ในใจเรา ขออาจารย์มีความสุข ในสรวงสวรรค์ จากคุณงามความดีและคุณค่าที่ได้ให้กับสังคมไทย แม้สังคมนี้ ยังไม่ได้ให้เกียรติให้คุณค่าความหมาย ต่อผู้มีอุดมคติเพื่อบ้านเมืองมากพอ. ในนามของมิตรร่วมรบ ที่ยังจะสู้ต่อไปบนเส้นทาง ที่อาจารย์ได้เริ่มมาก่อน ในนามของเขยเกษตร ที่อาจารย์ ชอบแหย่เล่น ที่ปู่จิ๊บมีภรรยาสวย เป็นลูกศิษย์อาจารย์ ในนามของคนไทย ที่ได้ใช้ชีวิตตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน แม้ยังไม่บรรลุชัยชนะ ด้วยความคาราวะฉันท์สหาย ชัยวัฒน์ สุรวิชัย 22/09/2558 งานฌานาปนกิจ อาจารย์ผสม เพชรจำรัส 27 กันยายน ณ ศาลา 1 วัดชลประทาน ปากเกร็ด นนทบุรี