เสือตัวที่ 6 ท่ามกลางความทุกข์ร้อนต่อภยันตรายจากภัยคุกคามที่มองไม่เห็นอย่างไวรัสร้าย COVID-19 ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ที่กำลังส่งผลกระทบต่อชีวิตและลมหายใจของคนในพื้นที่แห่งนี้ แต่กลับมีกลุ่มคนที่คอยขัดขวางการเข้ามาบรรเทาความทุกข์ร้อนของพี่น้องในดินแดนปลายด้ามขวานโดยหน่วยงานภาครัฐ เพื่อต่อลมหายใจให้พี่น้องในพื้นที่ยังคงดำรงอยู่และสามารถดำเนินชีวิตบนวิถีทางตามหลักศาสนาที่ตนนับถือให้ก้าวหน้าต่อไปได้ หากแต่คนกลุ่มนี้กลับไม่สนใจไยดีต่อวิถีทางของหลักศาสนาที่มุ่งสั่งสอนอบรมให้ผู้คนที่มีความเชื่อศรัทธาในหลักศาสนาต้องให้ความรักความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ในโลกอย่างเท่าเทียมโดยไม่บ่งแยกความเชื่อและแบ่งแยกชาติพันธุ์ระหว่างกันแต่อย่างใด ทุกวิถีตามคำสอนจึงมุ่งไปที่วิถีทางของสันติภาพอย่างแท้จริง แต่น่าเสียดายที่ยังมีกลุ่มคนเล็กๆ จำนวนหนึ่ง ยังคงมีความคิดสุดโต่งด้วยการคิดและยังนิยมใช้ความรุนแรงในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาอันเกิดจากความเห็นต่างของกลุ่มตน คอยก่อกวน คอยทำลายความสำเร็จของหน่วยงานภาครัฐที่มีเจตนาอันบริสุทธิ์ในการเข้าช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ยากอันแสนสาหัสจากไวรัสร้ายที่กำลังคุกคามผู้คนในดินแดนแห่งนี้อย่างบ้าคลั่ง ด้วยยอดผู้ติดเชื้อไวรัสร้ายตัวนี้ ที่เป็นรายใหม่ของคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ อยู่ในระดับสูงมากในระดับต้นๆ ของประเทศหลายวันติดต่อมา นั่นเป็นข้อมูลที่เป็นความจริงที่พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ปัญหาที่กำลังรุมเร้าผู้คนในพื้นที่แห่งนี้คืออะไร ปัญหาความทุกข์ยากใดที่ผู้คนทุกกลุ่มทุกฝ่ายควรจะให้ความสำคัญและมีความตระหนักรู้ในการเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้สำเร็จลุล่วงไปได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งแม้คนในพื้นที่หรือบรรดาแกนนำในขบวนการสร้างความเห็นต่างเหล่านั้น จะไม่มีศักยภาพมากพอในการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องร่วมถิ่นเกิดเหล่านั้นได้หลุดพ้นจากมหันตภัยร้ายนั้นได้ก็ตาม หากแต่คนกลุ่มนั้นก็สามารถช่วยเหลือได้ ก็ด้วยการพักความคิดความเห็นขัดแย้งกับรัฐ หยุดและเลิกการกระทำความรุนแรงใดๆ เพื่อก่อกวนเหนี่ยวรั้งการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐที่กำลังช่วยชีวิตพี่น้องร่วมชาติร่วมกำเนิดของตน ความทุกข์ยากบนความเป็นความตายของพี่น้องร่วมชาติพันธุ์ในพื้นที่ปลายด้ามขวานในห้วงนี้ เห็นได้ชัดจากยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ในช่วงเวลา 7 วันย้อนหลัง จำนวนผู้ติดเชื้อหน้าใหม่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ สูงติด 5 อันดับแรก ของผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งประเทศ ส่วนอัตราเสียชีวิตอยู่ที่ 0.8% น้อยกว่าภาพรวมประเทศ ซึ่งอยู่ที่ 1% และด้วยสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส สงขลา ปัตตานี และยะลา พุ่งสูงขึ้น จนมีสัดส่วนผู้ป่วยรายใหม่ราว 20% ของผู้ป่วยทั้งประเทศ ในช่วงกว่า 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาดังกล่าว สร้างความวิตกกังวลและความห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่ของหน่วยงานภาครัฐ ทำให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งควบคุมพื้นที่ที่กำลังตัวเลขผู้ป่วยสูงขึ้นอย่างมาก และยิ่งตอกย้ำความรุนแรงของสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ใน 4 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งประกอบไปด้วย จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา ว่าผู้ป่วยรายใหม่ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา (11 ต.ค.64) มีรายงานว่า ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 รวม 2,185 ราย ซึ่งมากกว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑลที่เคยพบการระบาดสูงก่อนหน้านี้ ที่คิดเป็น 22% ในขณะที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเพียง 19% ทั้งนี้ ประชากรใน 4 จังหวัดภาคใต้ มีทั้งสิ้น 3.58 ล้านคน โดยยอดผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่การระบาดระลอกเดือน เม.ย. จนถึงปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 1 แสน 3 หมื่นคน หากคิดภาพรวม 10 อันดับจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด เป็นจังหวัดในภาคใต้ 5 จังหวัด ได้แก่ ยะลา ปัตตานี สงขลา นครศรีธรรมราช และนราธิวาส ตามลำดับ นั่นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ในขณะนี้ ภัยคุกคามตัวใดที่กำลังก่อความทุกข์ยากอันส่งผลต่อความเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายต่อชีวิตผู้คนในพื้นที่ปลายด้ามขวาน และเรื่องใดที่คนทุกกลุ่มทุกฝ่ายจะต้องเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันแก้ไจปัญหาที่กำลังเผชิญหน้าต่อชีวิตของพี่น้องร่วมถิ่นกำเนิดในพื้นที่ นั่นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ความคิดความเห็นที่แตกต่างจากการสั่งสมบ่มเพาะมาจากคนกลุ่มหนึ่งนั้นควรจะพักควรจะวางไว้ก่อนเพื่อให้หน่วยงานรัฐ เข้าช่วยชีวิตผู้คนในพื้นที่ก่อนหรือไม่ แนวคิดแนวทางที่เคยดำเนินมาในภาวะปกติในอดีตนั้น เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องร่วมชาติของตนหรือไม่ และมันใช่เวลาที่จะก่อกวนเหนี่ยวรั้งองคาพยพของรัฐในการแก้ไขปัญหาให้คนในพื้นที่หรือไม่ ในขณะที่หน่วยงานภาครัฐให้ความห่วงใยไม่แยกฝักฝ่าย ให้สำคัญต่อชีวิตผู้คนในพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้ และกำลังเร่งดำเนินการอย่างเต็มกำลังในอันที่จะช่วยชีวิตผู้คนแห่งนี้ โดยสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นพ. โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า ในพื้นที่ 4 จังหวัด หน่วยงานสาธารณสุขได้เร่งฉีดวัคซีนให้พี่น้องประชาชนได้ครอบคลุม 30 - 40% และในสัปดาห์นี้ หน่วยงานสาธารณสุขจะส่งวัคซีนให้เพิ่มเติมเพื่อระดมฉีดในพื้นที่ระบาดให้มากขึ้น เพื่อระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสร้ายนี้ให้ได้โดยเร็ว ควบคู่กับมาตรการควบคุมโรคที่กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการล่าสุด คือ ล็อกดาวน์พื้นที่เป้าหมาย (Target Lockdown) คือ ปิดเป็นตำบล หมู่บ้าน หรือพื้นที่ระบาด รวมทั้งการเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งพื้นที่ชายแดนใต้จะเป็นพื้นที่แรกในประเทศไทยที่จะฉีดวัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็ม 1 และ 2 ซึ่งมีระยะห่าง 3 สัปดาห์ ตามมาตรฐานการควบคุมโรค ในขณะที่กลุ่มแบ่งแยกผู้คนด้วยกระบวนการบ่มเพาะสร้างความเห็นต่างจนเกิดความขัดแย้งบาดหมางกลุ่มนี้ กลับไม่นำพาความทุกข์ยากของพี่น้องร่วมถิ่นกำเนิด รวมทั้งพยายามขัดขวางเหนี่ยวรั้งการดำเนินการ และลดทอนความพยายามทุกรูปแบบของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งก็เป็นพี่น้องร่วมชาติร่วมแผ่นดินเกิดแห่งนี้ด้วยกัน ด้วยการก่อเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่องทุกรูปแบบทั้งการลอบวางระเบิด และการปฏิบัติการข่าวสารเพื่อลดทอนความชอบธรรมและต้องการให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างคนในพื้นที่กับรัฐ โดยคาดหวังว่า การกระทำเฉกเช่นนี้ จะสาสามารถสานต่อแนวคิดของขบวนการให้ยังคงเดินหน้าต่อไปได้ หากแต่ว่า แท้ที่จริงแล้ว ยิ่งกลุ่มก่อเหตุรุนแรง ปฏิบัติการเลวร้ายมากเท่าใด ยิ่งตอกย้ำความไม่เป็นประโยชน์ต่อคนในพื้นที่ ซึ่งยิ่งทำให้คนในพื้นที่ถอยห่างออกจากกลุ่มเห็นต่างมากขึ้น รวมทั้งเป้าหมายที่ขบวนการเพ้อฝันที่จะปกครองดูแลกันเอง ยิ่งถอยห่างจากความเป็นจริงมากขึ้นเท่านั้น