ทวี สุรฤทธิกุล พระมหากษัตริย์ไทยไม่เหมือนที่ใดในโลก สังคมไทยในทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก แม้กระทั่งสถาบันพระมหากษัตริย์ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย โดยเฉพาะในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน มีคนกล่าวว่าขณะที่สังคมไทยกำลังพัฒนาเป็นประชาธิปไตย แต่สถาบันพระมหากษัตริย์ยังคงอยู่ในระบอบเก่า บางคนถึงขั้นบอกว่า “เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย” โดยได้ยกตัวอย่างถึงระบอบเผด็จการและการยึดอำนาจของทหารว่าเป็นอิทธิพลของระบอบเก่าที่ยังคงครอบงำประเทศไทยไม่เปลี่ยนแปลง โดยที่ทหารได้ “แอบอิง” สถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อการคงอยู่ในอำนาจดังกล่าว ความคิดเหล่านี้มีการพูดคุยกันมากขึ้นในกระแสโซเชียลมีเดียท่ามกลางความขัดแย้งในสังคมไทยที่มีก๊กมีฝ่าย บางคน “ช่างกล้า” ถึงขนาดให้สัมภาษณ์ออกสื่อในต่างประเทศแล้วเผยแพร่ไปทางโซเชียลมีเดียเหล่านั้นอย่างกว้างขวาง กลายเป็นว่าคนไทยมีความคิดที่แตกแยกกันในเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์นี้ด้วย ในขณะที่ฝ่ายความมั่นคงก็ถือเป็นภัยอันตรายร้ายแรง ไม่เพียงแต่เป็นการหมิ่นพระมหากษัตริย์เท่านั้น แต่ยังเป็นการทำลายความสามัคคีของคนในชาติอีกด้วย การกระทำของคนที่โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ได้เป็นประเด็นทางความมั่นคงและการเมืองที่สำคัญ ฝ่ายความมั่นคงจึงต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดแก่ผู้กระทำผิดเหล่านี้ กระทั่งมีคนที่สนับสนุนหรืออยู่ในฝ่ายของคนพวกนี้ออกมาโจมตีรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงว่า “ไม่ยุติธรรม” ซึ่งก็เป็นความไม่เข้าใจใน “ลักษณะที่เป็นพิเศษ” ของสถาบันพระมหากษัตริย์ในสังคมไทย หรือบางคนอาจจะมีความเข้าใจ(เพราะเป็นครูบาอาจารย์บ้าง เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองบ้าง)แต่ก็ดูเหมือนพยายามจะ “นินทาว่าร้าย” สถาบันพระมหกษัตริย์อยู่โดยตลอด อันอาจจะเป็น “เจตนา” ที่มีอยู่ในจิตใจของคนเหล่านี้ หรือไม่ก็อาจจะมีการหวังผลทางการเมืองอะไรอยู่ด้วย ท่ามกลางคดีความที่มีการหมิ่นพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์จำนวนมากนี้ ผู้เขียนได้รับการร้องขอจากฝ่ายบ้านเมืองให้ทำความเห็นทางวิชาการเพื่อประกอบการฟ้องร้องบุคคลดังกล่าว ทำให้ผู้เขียนมีความคิดว่าควรจะให้ข้อแนะนำแก่คนไทยที่ยังรักและเทิดทูนพระมหากษัตริย์ สำหรับการวิพากษ์วิจารณ์หรือพูดคุยเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่บางทีการพูดคุยเหล่านั้นจะได้ไม่ถูกนำไปเป็นเครื่องมือทางการเมือง หรือนำไปสู่การดำเนินคดีโดยฝ่ายความมั่นคง ประการแรก จะต้องไม่พูดถึงพระมหากษัตริย์ในทางเสียหาย เช่นเดียวกับหลักปฏิบัติทางกฎหมายที่มีต่อบุคคลทั่วไป ที่ถือว่า “การให้ร้ายคือการดูหมิ่น” หรือที่เรียกว่า “การหมิ่นประมาท” เพราะนี่คือสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลที่กฎหมายปกป้องคุ้มครอง แม้ว่าจะมีคนบอกว่าในระบอบประชาธิปไตยเราจะต้องมีเสรีภาพทางความคิด การพูด และการเขียน ที่มีรัฐธรรมนูญรับรองไว้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากฎหมายจะให้เราใช้เสรีภาพเหล่านั้นเพื่อทำร้ายผู้อื่นหรือทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย ยิ่งกระทำต่อพระมหากษัตริย์ด้วยแล้วยิ่งไม่บังควร เพราะพระมหากษัตริย์ทรงฟ้องร้องใครไม่ได้ จึงเป็นหน้าที่ของรัฐคือฝ่ายความมั่นคงที่จะต้องเข้าปกป้องคุ้มครอง ยิ่งไปกว่านั้นในขณะนี้เราอยู่ในภาวะพิเศษที่รัฐได้ใช้อำนาจเผด็จการ เราจึงถูกจำกัดเสรีภาพบางประการ โดยเฉพาะเสรีภาพที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงและนำไปสู่ความขัดแย้งแตกแยกหรือความวุ่นวายในสังคม ประการต่อมา จะต้องไม่เผยแพร่หรือกระจายเรื่องที่มีการนินทาว่าร้ายพระมหากษัตริย์ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยในหมู่เพื่อนฝูง ญาติมิตร หรือการสื่อสารในสื่อต่างๆ ที่รวมถึงโซเชียลมีเดียทั้งหลาย เพราะนั่นจะเข้าข่ายการสมคบคิดหรือมีเจตนามุ่งร้าย อันเป็นองค์ประกอบทางกฎหมายที่จะต้องมีการรับผิดในทางอาญา ซึ่งหากมีคนเกี่ยวข้องจำนวนมากก็จะมีความผิดร้ายแรง เนื่องจากมีลักษณะที่เข้าข่ายการกระทำกันเป็นขบวนการ หรือเป็นองค์กรทางอาชญากรรม อีกประการหนึ่ง ถ้าเราบังเอิญได้ไปรับทราบรับรู้ถึงความคิดและการกระทำของบุคคลหรือกลุ่มคนที่มีแนวคิดไม่ดีต่อพระมหากษัตริย์ เราควรที่จะแจ้งแก่ฝ่ายบ้านเมือง ได้แก่ ตำรวจ และทหาร ให้เข้าดำเนินการตามกฎหมาย หรือหากเราอยู่ในหน่วยงาน เช่น หน่วยราชการ ก็ควรแจ้งแก่ผู้บังคับบัญชาตามลำดับขั้น หรือหากเป็นห้างร้านบริษัทก็ควรต้องรายงานแก่ผู้มีอำนาจเหนือ รวมถึงประชาชนทั่วไปก็อาจจะดำเนินการด้วยตนเอง ซึ่งจะถือได้ว่าได้ทำหน้าที่ของพลเมืองดีและเป็นคนไทยที่ดี สำหรับในการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการ โดยเฉพาะในการอภิปรายและสัมมนาที่มีคนจำนวนมากร่วมอยู่ด้วย ก็เพียงแต่ระมัดระวังไม่ให้มีคนนำไปขยายความในแง่ร้าย คือต้องมีการตรวจสอบเอกสารที่จะเผยแพร่ หรือมีการตรวจสอบเอกสารต่างๆ ก่อนที่จะเผยแพร่ออกสู่สาะรณะ โดยเฉพาะส่วนตัวนักวิชาการเองก็ต้องระมัดระวังในการนำเสนอและการใช้ข้อมูล รวมถึงการมีจริยธรรมและจรรยาบรรณทางวิชาการ เป็นต้นว่า ต้องมีความเห็นหรือนำเสนอข้อมูลให้รอบด้าน และนำเสนอในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เหนืออื่นใด ถ้าเรารักพระมหากษัตริย์และเห็นความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ เรจะไม่คิดกระทำในสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้นรอย่างแน่นอน คนที่ไม่รักก็เชิญไปเห่าหอนที่อื่น อย่ามาอยู่ให้รกหูรกตาบนแผ่นดินนี้