เสือตัวที่ 6 ความพยายามในการก่อเหตุร้ายหลายครั้งหลายหน ตั้งแต่ปลายปี 2549 ที่ผ่านมา จวบจนต้นปี 2565 ของบรรดากลุ่มคนหัวรุนแรงในพื้นที่ปลายด้ามขวาน ภายใต้การสนับสนุนอย่างลับๆ ของบรรดาแนวร่วมของขบวนการร้ายแห่งนี้ที่มีจำนวนมากและแอบซ่อนตัวอำพรางสายข่าวของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างแนบเนียนยิ่ง โดยการส่งสัญญาณจากแกนนำขบวนการที่ชี้เป้าการปฏิบัติการร้ายในพื้นที่ให้สอดรับสนับสนุนการขับเคลื่อนการต่อสู้ในรูปแบบต่างๆ ของขบวนการกับรัฐ ให้สามารถดำรงความได้เปรียบในการต่อสู้ในรูปแบบที่สอดรับกับสถานการณ์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อันเป็นการขับเคลื่อนอย่างมีจังหวะจะโคนระหว่างส่วนต่างๆ ของขบวนการร้ายเหล่านี้ให้มีพลังในการเอาชนะฝ่ายรัฐได้ในโอกาสที่เหมาะสม อย่างเช่นในห้วงนี้ การก่อเหตุร้ายต่างๆ ไม่ได้เกิดอย่างสะเปะสะปะ หากแต่มีความพายามในการเร่งเร้าความรุนแรงให้เอื้อประโยชน์กับขบวนการต่อสู้ในการพูดคุยสันติสุขกับรัฐที่จะเกิดขึ้นอีกครั้งในเร็ววันนี้ ดังเช่นกรณีต้นปี 2565 ที่ผ่านมาซึ่งล่วงเลยเทศกาลปีใหม่มาได้ไม่กี่วัน กลุ่มกองกำลังติดอาวุธของขบวนการร้ายแห่งนี้ ที่ซ่องสุมกำลัง พร้อมปฏิบัติการในพื้นที่เมื่อโอกาสอำนวยและโอกาสสำเร็จงานร้ายอยู่ในระดับสูงบนความปลอดภัยของฝ่ายกองกำลังในระดับ 100% ในเกือบทุกครั้งที่ผ่านมา ย่อมแสดงให้เห็นว่า บรรดากองกำลังติดอาวุธของขบวนการเหล่านี้ มีกลุ่มมวลชนที่เป็นแนวร่วมขบวนการในพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้ คอยให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่อย่างไร และบ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การเข้าใจ เข้าถึงพี่น้องคนในพื้นที่เหล่านี้ของหน่วยงานภาครัฐตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมานั้น มีผลสัมฤทธิ์มากหรือน้อยแค่ไหน และการปฏิบัติการทุกครั้งก็จะบรรลุแผนการร้ายเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์ และที่สำคัญ หลังปฏิบัติการทุกครั้ง กลุ่มคนร้ายเหล่านี้ สามารถล่องหน หลบหนีการติดตาม จับกุม ไล่ล่าของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอยู่มากมายในพื้นที่ ได้อย่างเหลือเชื่อ ดังเช่นกรณีเมื่อกลางวันเสกๆ ห้วงเวลา 12.00 น. วันที่ 3 ม.ค 2565 ที่กลุ่มกองกำลังติดอาวุธของขบวนการร้ายแห่งนี้กว่า 10 คน รวมกำลังปฏิบัติการครั้งนี้อย่างที่เรียกได้ว่าลับสุดยอด และลอบโจมตีถึงฐานปฏิบัติการ กองร้อยทหารพรานที่ 4513 บ้านลาแป ตำบลบองอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส อย่างอหังการแม้จะเป็นห้วงเวลาเที่ยงวัน กลุ่มก่อความไม่สงบได้เปิดฉากยิงใส่เจ้าหน้าที่ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในฐานปฏิบัติการ จนกระทั่งเกิดการยิงปะทะกันนานหลายนาที เป็นเหตุทำให้ สิบตรี เอกชัย มูเก็ม เสียชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย โยกลุ่มกองกำลังติดอาวุธพร้อมอาวุธปืนครบมือ ได้ใช้อาวุธปืนระดมยิงใส่ทหาร ทั้ง 6 นาย ก่อนเกิดการปะทะกัน โดยมีทหารที่อยู่ภายในฐาน ได้เข้าต่อสู้นานกว่า 30 นาที ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะล่าถอยไป โดยอาศัยความชำนาญพื้นที่และการสนับสนุนจากแนวร่วมขบวนการ หลบหนีไปได้ แม้กองกำลังของรัฐจะไล่ล่า ตรวจค้นบ้านต้องสงสัยในพื้นที่บ้านลาแป หมู่ 2 และบ้านสาเมาะ หมู่ 1 ตำบลบองอ แต่ยังไม่พบร่องรอยของคนร้ายแต่อย่างใด ต่อมา พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ .รมน.ภาค 4 ได้สั่งการ ให้ทุกฐานปฏิบัติการของรัฐในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา เพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มข้น เพราะการปฏิบัติการครั้งหลังๆ และครั้งนี้ มีการสัญญาณบ่งชี้ว่า กองกำลังติดอาวุธของขบวนการมีความฮึกเหิมในการปฏิบัติการด้วยอาวุธกับกองกำลังติดอาวุธของรัฐมากขึ้น แม้จะเป็นกำลังทหารหลัก หรือทหารพรานซึ่งได้รับการฝึกฝนเตรียมความพร้อมในการใช้อาวุธเพื่อต่อสู้กับกลุ่มคนหัวรุนแรงของขบวนการทุกรูปแบบก็ตาม ภายใต้การสนับสนุนจากกลุ่มมวลชนที่เป็นแนวร่วมของขบวนการในพื้นที่ที่ซ่อนพรางในชุมชนได้อย่างกลมกลืน เพื่อเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่ติดอาวุธของรัฐตามฐานปฏิบัติการในหลายพื้นที่ การปฏิบัติการด้วยอาวุธที่ผ่านมาจวบจนต้นปี 2565 และที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปตลอดห้วงเวลานี้ ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า เป็นการปฏิบัติการที่สอดรับกับการขับเคลื่อนในระดับยุทธศาสตร์ของขบวนการที่กำลังเข้าสู่โหมดของการพูดคุยสันติสุขกับรัฐ เพื่อสร้างน้ำหนักของความเหนือกว่าในการต่อสู้ ตอกย้ำให้เห็นว่า ภาครัฐต้องหันมาให้ความสำคัญอย่างจริงจังต่อกระบวนการพูดคุยที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ และชี้ให้เห็นว่า กลุ่มขบวนการยังมีศักยภาพในการก่อความไม่สงบอยู่ได้หากการพูดคุย ไม่เป็นไปตามที่ฝ่ายขบวนการคาดหวัง พวกเขามีความพร้อมอยู่ในระดับสูงแค่ไหน ถึงหาญกล้าโจมตีกองกำลังทหารของรัฐได้อย่างมืออาชีพ ทั้งยังส่งสัญญาณให้เห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐจะต้องโอนอ่อนผ่อนตมเป้าประสงค์ระดับยุทธศาสตร์ของพวกเขาหากรัฐต้องการความสงบสุขอย่างแท้จริง ความคืบหน้าการพูดคุยสันติสุข เมื่อปลายปี 2564 ที่ผ่านมา มีสถานการณ์ล่าสุดที่คณะประสานงานระดับพื้นที่ (สล.3) ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งในการขับเคลื่อนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ในระดับพื้นที่ โดยเป็นการมุ่งแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งด้วยแนวทางสันติวิธีด้วยการเปิดพื้นที่และเวทีการพูดคุยกับทุกกลุ่ม เพื่อแสวงหาแนวทางสันติวิธีร่วมกันระหว่างฝ่ายรัฐและฝ่ายขบวนการแบ่งแยกดินแดนแห่งนี้ และเตรียมเดินหน้าเปิดเวทีการพูดคุยสันติสุขแบบ Face to Face อีกครั้งต้นปี 2565 นี้ และไม่กี่วันข้างหน้านี้ แล้วเปิดพื้นที่รับฟังข้อเสนอภาคประชาชน เพื่อพัฒนากระบวนการสันติภาพอย่างครอบคลุม (Inclusive) เพื่อเตรียม kick off การพูดคุยสันติสุขกับ BRN ในช่วงต้นปี 2565 เตรียมนำเสนอกับดำเนินการโต๊ะพูดคุยสันติสุขต่อไป การขับเคลื่อนการต่อสู้ในสถานการณ์ที่ขับเคลื่อนไปในแต่ละห้วงเวลาของขบวนการแห่งนี้ จึงเห็นได้ว่า ล้วนสอดรับกันตั้งแต่ระดับยุทธศาสตร์นั่นคือ ความสำเร็จของการปกครองดูแลกันเองตามวิถีที่กลุ่มแกนนำและคนในขบวนการทั้งหลายต้องการ จนถึงระดับยุทธวิธีของกองกำลังติดอาวุธที่มุ่งเป้าหมายของการก่อเหตุร้ายที่สนับสนุนระดับยุทธศาสตร์ของขบวนการอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อใดที่สถานการณ์เปลี่ยนไป พวกเขาก็พร้อมจะปรับเปลี่ยนกระบวนการการต่อสู้ได้อย่างกลมกลืนและทรงพลังยิ่ง จนภาครัฐไม่อาจปรามาสแม้แต่น้อย เพราะขบวนการแบ่งแยกดินแดนเหล่านี้ ลุ่มลึกและเก่งกล้าเกินกว่าที่จะวางใจได้