ดร.วิชัย พยัคฆโส [email protected] ปี 64 ที่ผ่านมา แม้จะมีเครื่องยนต์เกี่ยวกับการส่งออกสินค้าจำเป็นของไทยไปยังประเทศต่างๆก็ตาม แต่สามารถสร้างเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ 1.6% โดยมีแรงหนุนจากการเปิดประเทศปลายปีเข้ามาเสริมเล็กน้อย ถือว่ามากกว่าที่คาดไว้เพียง 1.4% เท่านั้น สำหรับปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 3.5% เป็นอย่างต่ำ เพราะเราเปิดประตูกาคค้าการลงทุนเพิ่มขึ้น นับว่าเป็นปีที่น่าจับตามองทั้งเศรษฐกิจและการเมืองที่มีอิทธิพลสูงอยู่ขณะนี้ เพราะได้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 3 บาท เอาเข้ากองทุน 1 บาท ส่วนลดราคา 2 บาท ทำให้น้ำมันดีเซลลดลงประมาณ 27 บาทเศษ ทำให้สหพันธ์การรถขนส่งทางบกฯพอใจในระดับหนึ่งโดยชะลอการขึ้นราคาค่าขนส่งซึ่งจะไปกระทบกับราคาสินค้าในภาพรวม ทำให้ราคาสินค้าจำนวนมากชะลอการขึ้นราคาไปได้และลดการอภิปรายให้เบาบางลงได้มาก ส่งผลให้รัฐบาลเบาใจได้อีกเปลาะ พร้อมกับผลักดันภาษีรถอีวีและการอุดหนุนรถอีวีคันละ 60,000-150,000 บาท เพื่อปลุกให้คนไทยใช้รถยนต์อีวีมากขึ้น ส่งผลให้รัฐบาลมีความมั่นใจในเศรษฐกิจไทยที่กำลังผลักดันอีกหลายๆเรื่อง เช่น การลงทุนกับซาอุดีอาระเบีย การส่งออกสินค้าและแรงงานไทย ส่งออกผลไม้ไปยังประเทศจีนและระบบเศรษฐกิจอื่นๆ การอภิปรายทั่วไปแบบสอบถามและเสนอแนะของฝ่ายค้านจึงกร่อยลงไปถนัดใจมีแต่เรื่องเก่าๆแต่มีบางเรื่องที่ใหม่อีกหลายเรื่องที่รัฐบาลไม่ยอมตอบ เช่น รถไฟฟ้าสายสีเขียว ขบวนการค้ามนุษย์ การทุจริตรับผลประโยชน์โดยมุ่งไปที่ลุงป้อม ทำให้ประชาชนยังคลางแคลงใจและติดใจว่าอาจเป็นความจริงตามที่ฝ่ายค้านอภิปราย ซึ่งทำให้ยังเป็นปัญหาต่อไปสำหรับการอภิปรายเดือนพฤษภาคมอีกครั้ง นายกรัฐมนตรีดูออกจะมีความวิตกกังวลกับเก้าอี้ของตนเองที่หมิ่นเหม่ต่อการอภิปรายของฝ่ายค้าน แต่ดูเหมือนว่าบิ๊กตู่จะมั่นใจต่อเสถียรภาพของรัฐบาลที่พอจะมีฐานเสียงอย่างน้อย 260 เสียงตามที่พรรคภูมิใจไทยเสนอ ซึ่งนายกฯ จะต้องผ่านด่านสำคัญๆจนกว่าจะถึงเดือนพฤศจิกายน ในการเป็นเจ้าภาพ APEC โดยนายกฯตู่กัดฟันสู้ยิบตามั่นใจว่าเก้าอี้จะไม่กระเด็นหลุดเสียก่อน เดือนพฤษภาคม การอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยมีการลงมติ เดือนกรกฏาคม กฎหมายลูกของรัฐธรรมนูญจะผ่านสภาฯ เดือนสิงหาคม รอดพ้นจากวาระ 8 ปี การเป็นนายกรัฐมนตรี เดือนกันยายน ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณปี 66 ได้สำเร็จ เดือนพฤศจิกายน เป็นเจ้าภาพการประชุม APEC หลังจากพฤศจิกายนไปแล้ว นายกฯตู่จะยุบสภาฯเพื่อเลือกตั้งใหม่ ทำให้อยู่ครบเทอมถึงมีนาคม 2566 ซึ่งคาดว่านายกฯจะไม่เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งกันใหม่