ดร.วิชัย พยัคฆโส [email protected] สงครามยืดเยื้อระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงเมื่อใด ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกหวั่นไหวเกดความไม่มั่นคงต่อราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 130 เหรียญต่อบาร์เรล และอาจพุ่งต่อไปถึง 150 เหรียญก็ยังมีความเป็นไปได้ ประเทศไทยแม้จะอยู่ห่างไกลจากสงครามก็ตาม แต่ในขณะที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้ โดยเฉพาะพลังงานหรือน้ำมันย่อมส่งผลให้เศรษฐกิจไทยซวนเซไปบ้าง โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเกินกว่า 5% เป็นผลให้ราคาสินค้าจ่อเพิ่มราคาเป็นทิวแถว ราคาพลังงานคงเอาไม่อยู่ ราคาก๊าซหุงต้มจะเพิ่มราคาในเดือน เม.ย.นี้อีก 15 บาท แบบขั้นบันไดทั้งปีจะเป็น 45 บาท/ถัง หรือประมาณ 360 บาท/ถัง ราคาไข่ไก่เพิ่มสูงขึ้นอีกเป็น 3.30 บาท/แผง นอกจากนี้แว่วมาว่าสินค้าที่จำเป็นอีกหลายอย่าง เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง นมข้น และสินค้าอื่นๆอยู่ระหว่างการปรับราคากันเป็นทิวแถว วิกฤติราคาสินค้าที่พุ่งขึ้นรัฐบาลคงเอาไม่อยู่แล้ว แม้ว่า รมต.พาณิชย์จะยืนยันว่ายังไม่ยอมให้ขึ้นราคาก็ตาม แต่คงหยุดไม่ได้ จึงเป็นปัญหาอีกเรื่องหนึ่งของรัฐบาล ปัญหาโควิด-19 ก็ยังคงเอาไม่อยู่ มีคนเสียชีวิตมากขึ้น ผู้คนติดเชื้อรวมถึง ATK รวมแล้วมากกว่า 4หมื่นคน/วัน เป็นปัญหาของรัฐบาลที่ยังไม่สามารถปรับลดลงได้ ล่าสุดได้ข่าวว่ารัสเซียจะไม่ส่งออกปุ๋ยทุกชนิดเข้าไปอีก ส่งผลไปสู่ความเดือดร้อนของเกษตรกรเป็นลูกโซ่ตามมาอีก เพราะไทยนำเข้าปุ๋ยจากรัสเซียเป็นสินค้าหลัก ปีนี้รัฐบาลตั้งใจให้เป็นปีการของลดหนี้ครัวเรือนให้ลดลงเผื่อว่าจะได้คะแนนเสียงมาบ้าง เอาเงิน2พันล้านให้ ธ.ก.ส.ลดหนี้เกษตรกรที่ค้างคามานานอยู่ อย่างน้อยลดลง 50% ก็ยังได้คะแนนอยู่ดี คงทำได้แค่นี้ เพราะรัฐบาลหมดเงินจึงต้องหาแหล่งเงินกู้เข้ามาอีก นายกฯตู่ชักเริ่มไม่ไว้ใจเสียง 260 เสียงของพรรคภูมิใจไทยที่บอกไว้ เพราะดูสถานการณ์แล้วคงเป็นไปไม่ได้ อาจต้องส่งกล้วยให้งูเห่าที่สังกัดฝ่ายค้านหลายคนที่จะยกมือจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 22 พฤษภาคม นี้ จึงเป็นเรื่องที่ทำความหนักใจให้นายกฯตู่เป็นกังวลอย่างมาก ฝ่ายค้านเริ่มมีกระแสขู่ได้ขู่เอาจากกรณีเรือดำน้ำที่ซื้อจากจีนส่งของที่ผิดสเปคให้ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ที่ไม่ใช่ของเยอรมัน และมีทีท่าว่าจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก รัฐบาลตอบได้อย่างเดียวว่ายังไม่ถึงเวลาส่งของจึงไม่อาจตอบได้ นอกจากจะมีแต่ข่าวไม่ดีแล้วยังพอมีข่าวดีอยู่บ้าง เช่น คดีของ ร.อ.ธรรมนัส มีคดีการปกปิดรายได้กับ ปปช. และคดีโฮปเวลล์ที่อาจส่งผลให้รัฐบาลไม่ต้องใช้หนี้ค่าโง่หลายหมื่นล้านบาทแล้ว แต่ยังคงไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้ารัฐบาลอยู่ รัฐบาลอาจตัดสินใจยุบสภาก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เป็นไปได้ จึงขึ้นอยู่กับนายกฯตู่จะคิดอย่างไร และหาทางออกอย่างไร จะลุยไปต่อหรือหยุดแต่เพียงเท่านี้ เพื่อมิให้ “พฤษภาอาถรรพ์” เกิดขึ้นกับรัฐบาลนี้