แสงไทย เค้าภูไทย นับจากนี้ไป 5-14 วัน ถือเป็นวันอันตรายจากการติดเชื้อโควิด-19 จากคลัสเตอร์สงกรานต์ ที่คาดว่าจะมีจำนวนเป็นแสน เหตุจากเชื้อกลายพันธุ์ใหม่ติดง่ายและการผ่อนมาตรการควบคุมในหลายด้านด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ ที่น่ากังวลที่สุดคือการเปิดแหล่งท่องเที่ยว การขยายเวลากินดื่มในร้านอาหาร ในสถานบันเทิง การเดินทางกลับภูมิลำเนาเดิมของคนทำงานและแรงงานทุกระดับ เป็นหนึ่งในตัวเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพราะแรงงานเหล่านี้ ส่วนใหญ่กลับบ้านพร้อมเงินเก็บจากค่าจ้างแรงงาน เมื่อกลับมา นอกจากจะใช้เวลาส่วนหนึ่งไปทำบุญสงกรานต์แล้ว ยังมีการฉลองเทศกาลด้วยการดื่มกิน การเยี่ยมเยือนญาติหรือเพื่อนฝูง เพื่อนบ้าน มักจะลงเอยด้วยการตั้งวงกินเลี้ยง ส่วนใหญ่จะมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย การเปิดหน้ากากเพื่อดื่มกิน เป็นช่องทางกระจายหรือรับเชื้อไวรัสโดยตรง ตามปกติ การหายใจ การพูดคุยระหว่างกันในระยะห่างไม่เกิน 2 เมตรโดยไม่สวมหน้ากากป้องกันถือเป็นความเสี่ยงอย่างมหันต์อยู่แล้ว แต่เมื่อมีการดื่มกิน การพูดคุยกันก็จะใช้เสียงดังขึ้น ยิ่งมีการหัวเราะ การตะโกน การไอ จาม แรงส่งลมจากปากจากจมูกก็แรงขึ้น เชื้อที่อยู่ในลมหายใจก็จะล่องลอยออกมาไกลขึ้น มีความหนาแน่นมากขึ้น ขณะเดียวกัน การใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานขึ้นการสะสมเชื้อไวรัสจากผู้ร่วมวงที่ติดเชื้อก็จะมีปริมาณหนาแน่นขึ้น กินข้าว 1 ชั่วโมงหรือ 60 นาที แบ่งปันลมหายใจกันด้วยไวรัส ราวๆ 800-900 อนุภาค ตามปกติ ความหนาแน่นของเชื้อไวรัสที่จะทำให้ผู้ได้รับทางลมหายใจเข้าข่ายติดเชื้อจะมีปริมาณ 1,000 อนุภาค ลมหายใจคนตามปกติหากมีเชื้อไวรัส จะมีปริมาณราว 20 อนุภาคต่อนาที แต่ถ้ามีการพูดคุย ลมหายใจที่ออกมากับเสียงพูด จะมีปริมาณไวรัส 200 อนุภาคต่อนาที ส่วนไอหรือจามนั้น แต่ละครั้งจะมีไวรัสออกมาถึง 200 ล้านอนุภาค สำหรับการอยู่กลางแจ้ง หากมีผู้ติดเชื้อไวรัสอยู่ใกล้โดยไม่สวมหน้ากาก ลมหายใจของคนติดเชื้อจะมีเชื้อไวรัสราว 8 อนุภาคต่อนาที อายุของไวรัสในละอองฝอยจากน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ น้ำตา ลอยในอากาศ(airborne) ในที่เปิดโล่ง ปนอยู่ใน คำพูด ลมหายใจ อยู่นาน 5 นาที จึงควรเคลื่อนที่ตลอดเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงการสูดดมสะสมลมหายใจเซกกันด์แฮนด์ดังกล่าว สำหรับในสถานที่ปกปิด เช่นร้านอาหารห้องแอร์ สถานบริการติดแอร์ รถปรับอากาศ ห้างสรรพสินค้า ฯลฯแม้จะใส่หน้ากาก แต่ก็ป้องกันไม่ได้มากนัก จึงไม่ควรใช้เวลาอยู่นาน ระยะเวลาที่อยู่นานจนเสี่ยงติดเชื้อคือประมาณ 125 นาที นี่คือเหตุผลว่า ทำไมการตั้งวงกินอาหาร หรือดื่มสุราจึงเป็นตัวการแพร่เชื้อไวรัสระลอกสงกรานต์ นอกจากการฉลองสงกรานต์แบบชาวบ้านแล้ว การเปิดแหล่งท่องเที่ยวเสรี ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้การแพร่ระบาดของไวรัสเพิ่มจำนวนขึ้น การป้องกันตัวในยามนี้ ที่ดีที่สุดการงดเว้นการออกนอกบ้าน หรือถ้าออก ก็ไม่ละเลยที่จะสวมหน้ากาก กรมอนามัย ชี้แนะว่าหน้ากากผ้าทางการแพทย์ป้องกันเชื้อได้ 54-59% หน้ากากผ้าทั่วไป 21.28% แบบเยื่อกระดาษ 3 ชั้นป้องกันได้ 80%หน้ากากทางการแพทย์ หน้ากาก N95 ป้องกันได้ 97.59% สำหรับความเสี่ยงในการติดเชื้อนั้น คู่สนทนาหรือพบปะในระยะต่ำกว่า 2 เมตรหากไม่สวมแมสก์กันทั้งคู่ อย่างการตั้งวงกินดื่มนั้น ความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อกันทั้งคู่ 90% แต่หากฝ่ายหนึ่งสวมแมสก์ อีกฝ่ายไม่สวม ฝ่ายที่สวมแมสก์เสี่ยงติดเชื้อจากฝ่ายตรงข้ามที่ไม่สวมแมสก์ 30% ส่วนฝ่ายตรงข้ามที่ติดเชื้อแล้วสวมแมสก์ ฝ่ายตรงข้ามแม้ไม่สวมแมสก์โอกาสติดเชื้อจะเหลือ 5% และถ้าทั้งคู่สวมแมสก์ โอกาสติดเชื้อจะเหลือ 1.5% ยิ่งหากต่างฝ่ายรักษาระยะห่างต่อกันเกิน 2 เมตรหรือ 6 ฟุต โอกาสที่จะแพร่เชื้อต่อกันจะเหลือ 0% เพราะฉะนั้น การรักษาตัวให้รอดพ้นจากการติดเชื้อไวรัสที่ดีที่สุดก็คือการสวมแมสก์ เว้นระยะห่างทางสังคมและล้างมือด้วยสบู่หรือน้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างจานนั้นจะดีกว่าสบู่ เพราะใช้ล้างจานที่เปื้อนไขมันโดยเฉพาะ ตัวไวรัสห่อหุ้มด้วยไขมันบางๆ เจอน้ำยาล้างจานก็ถูกทำลายหรือชะล้างลงท่อน้ำไป นอกจากนี้ยังต้อง หรือชโลมมือด้วยเจลแอลกอฮอล์เจลซึ่งพบได้ทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อ หรือตัวเองพกพาไปด้วยก็ได้ ทั้งนี้เพื่อฆ่าไวรัสที่ติดมือมาจากการสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อน อีกทางหนึ่งที่เป็นพาหะเชื้อไวรัสก็คือ ทางพัสดุหรือวัตถุ อายุที่ไวรัสจะอยู่บนพื้นผิววัสดุคือ กระดาษชำระ(ทิชชู่)เสื้อผ้า 8-12 นาที ทองเหลือง 4 ชั่วโมง ลูกบิดประตู 8 ชั่วโมงกล่องกระดาษแข็ง 24 ชั่วโมง กระดานไม้ โต๊ะผิวเรียบ 24 ชั่วโมง สเตนเลส 2-3 วัน พลาสติก 2-3 วัน แก้ว 4 วัน ธนบัตร 8-12 ชั่วโมง สมาร์ทโฟน 4 วันพื้นผิวด้านนอกของแมสก์ 7 วัน อยู่กลางแดด อุณหภูมิ เกิน 21-22 องศาเซลเซียส อยู่ได้ 1-2 นาที แดดดร้อนจัดเผาราวลูกกรงบันไดขึ้นสะพานลอยที่จับแล้วสะดุ้ง อยู่ได้ไม่เกิน 10 วินาที จำๆกันไว้เพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อไวรัสมรณะตัวนี้ อย่าไปหวังวัคซีนมากนัก ฉีด 3-4 เข็มแล้วยังติดมีถมไป ดีแต่ช่วยไม่ให้ป่วยหนักต้องนอนโรงพยาบาลหรือเข้าขั้นตรีทูตเท่านั้น ทางที่ดีที่สุดคือปกป้องตัวเองอยู่ห่างและเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงกันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เป็นดีที่สุด