แสงไทย เค้าภูไทย

แม้ไทยกับยูเครนและรัสเซียจะอยู่ห่างกันคนละซีกโลก แต่ในยุคโลกาภิวัตน์ เหตุการณ์ร้ายแรงใดที่เกิดขึ้นกับสองประเทศนี้โดยเฉพาะสงครามย่อมกระทบไปทั้งโลกรวมถึงไทยด้วย

เมื่อไม่นานมานี้มีผู้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กรายหนึ่ง เล่าว่าได้ไปซื้อขนมในร้านเบเกอรีขาประจำ พบว่า ราคาแพงขึ้นผิดสังเกต จึงถามคนขายที่เป็นเจ้าของร้านด้วยว่าทำไมราคาถึงแพงขึ้น

เจ้าของร้านให้คำตอบที่สร้างความประหลาดใจแก่ลูกค้าผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง เธอบอกสาเหตุที่เบเกอรี่แพงขึ้นว่ามาจากสงครามรัสเซียกับยูเครน

สงครามทำให้แป้งข้าวสาลีขาดตลาด เนื่องจากยูเครนเป็นแหล่งผลิตข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

การที่โลกเดือดร้อนด้วยขาดแคลนสินค้าอาหารจนราคาแพงไปทั่วนั้น มีสาหตุจากยูเครนผู้ป้อนสินค้าอาหารสู่ตลาดรายใหญ่ที่สุดในโลกเจอพิษภัยสงคราม

ก่อนเกิดสงคราม สัดส่วนผลผลิตจากธัญพืชของยูเครนในตลาดโลกนั้นมี น้ำมันดอกทานตะวัน 42%   ข้าวโพด 16% ข้าวบาร์เลย์ 10%   ข้าวสาลี 9%

รายการสินค้าข้าวสาลีที่ยูเครนมีส่วนแบ่งในตลาดโลก น้อยที่สุดในรายการผลิตภัณฑ์จากธัญพืชนั้น

แม้จะแค่ 9% แต่เมื่อมันหายไปจากตลาดทั้งหมด มันก็ทำให้เดือดร้อนไปทั่วโลกผู้บริโภคผลิตภัณฑ์จากข้าวสาลี

โดยเฉพาะแป้งสาลีที่ใช้ทำขนมปังอาหารหลักของฝรั่งและผลิตภัณฑ์เบเกอรี

นี่คือเหตุผลที่แม่ค้าเบเกอรีไทยแจงต่อลูกค้าที่บ่นว่าแพงขึ้น ว่าต้องขึ้นราคาเพราะสงครามยูเครน แป้งสาลีขาดตลาด ราตาแพง ต้นทุนจึงแพงตาม

การที่ยูเครนที่เคยเป็นผู้ส่งออกสินค้าประเภทอาหารมากที่สุดในโลกส่งออกได้น้อยลงนั้นมีสองสาเหตุ

สาเหตุที่หนึ่งคือ เมื่อเกิดสงคราม พื้นที่เกษตรกรรมส่วนหนึ่งถูกทำลาย ส่วนหนึ่งเกษตรกรไม่กล้าเพาะปลูก เพราะเสี่ยงทั้งชีวิต เสี่ยงทั้งแปลงเกษตรถูกอาวุธรัสเซียทำลาย

เหตุนี้พื้นที่เพาะปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร จึงหดหายไปถึง 34% ของพื้นที่เกษตรกรรมทั้งหมด

อีกเหตุผลหนึ่ง ช่วงต้นๆของสงคราม รัสเซียได้ปิดล้อมทางออกสู่ทะเลดำ( Black Sea )อันเป็นประตูเปิดเส้นทางส่งสินค้าออกของยูเครนสู่ตลาดโลก

จนเมื่อมีเสียงเรียกร้องจากชาติต่างๆที่เคยนำเข้าสินค้าอาหารจากยูเครนที่เดือดร้อนเพราะขาดแคลน

ทำให้ราคาอาหารแพง ส่งผลกระทบต่อห่วงโซอุปทานอาหารไปทั่วโลก จนเกิดภาวะเงินเฟ้อตามมา

จีนพันธมิตรแนบแน่นของรัสเซียได้รับผลกระทบที่รุนแรงมาก เพราะจีนมีผู้บริโภคถึง 1.4 พันล้าคน มากที่สุดในโลก

นี่กระมังที่เป็นเหตุผลให้รัสเซียยอมเปิดทางให้ยูเครนส่งออกสินค้าอาหารทางทะเลดำได้ตั้งแต่กรกฎาคมที่แล้ว

 อย่างไรก็ดี แม้จะส่งออกได้เป็นปกติแล้ว แต่ยูเครนกลับส่งออกได้ไม่เท่ากับเมื่อก่อนสงคราม

ทั้งนี้เพราะบริษัทเดินเรือสินค้าเอกชนส่วนใหญ่กลัวจะไม่ปลอดภัย จึงไม่ส่งเรือเข้ามารับสินค้า

ผลก็คือยูเครนส่งสินค้าออกได้น้อยลงกว่าเมื่อก่อนเกิดสงคราม โดยเฉพาะสินค้าอาหารนั้น เคยส่งออกเดือนละ 5 ล้านตัน ก็ลดลงเหลือราว 3-4 ล้านตัน

นี่น่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่จีนเสนอให้รัสเซียกับยูเครนเจรจาสันติภาพ ซึ่งฝ่ายยูเครนตอบรับข้อเสนอด้วยความยินดี

อันที่จริงจีนกับยูเครนนั้น มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นไม่ต่างจากจีนกับรัสเซีย

ทั้งนี้เพราะจีนให้เงินกู้ยูเครนสร้างทางรถไฟความเร็วสูงเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางไปสู่ยุโรปตะวันตกอันเป็นตลาดใหญ่ของจีนแต่โบราณนับเนื่องจากเส้นทางสายไหม

ยิ่งกว่านั้น ยามนี้ยูเครนยังเป็นลูกค้าโดรนของบริษัทจีนที่เป็นรัฐวิสากิจด้วย

รัสเซียก็เป็นลูกค้าโดรนของจีนเช่นกัน แต่จีนขายให้จำกัดพอๆกับขายให้ยูเครน ทำให้รัสเซียหงุดหงิด หันไปซื้อจากอิหร่านมาเพิ่ม

อย่างไรก็ดี ในยามที่โลกพากันต่อต้านรัสเซียรุกรานยูเครน โดยสมัชชาสหประชาชาติประชุมกันเมื่อสุดสัปดาห์มีมติเป็นเอกฉันท์ประณามการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

จีนงดออกเสียง แสดงว่าไม่คัดค้าน แต่ก็ไม่เห็นด้วย และในวันถัดมาก็เสนอให้มีการเจรจายุติสงคราม

ยูเครนตอบรับด้วยความยินดี ถึงขนาดประธานาธิบดีเซเลนสกีจะขอไปพบประธานาธิบดีสี่ จิ้น ผิง

แต่ปูตินยังเงียบอยู่ คงชั่งใจอยู่ว่าจะหาทางปฏิเสธข้อเสนอจีนอย่างไรดีถึงจะไม่ทำให้จีนขุ่นใจ

เพราะถ้าทำให้จีนขุ่นเคืองขึ้นมาเมื่อใด รัสเซียจะเสียเพื่อน

จะถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว เดียวดายทันที