ชัยวัฒน์ สุรวิชัย พ่อรักย่า กษัตริย์...ยอดกตัญญู 1. ตอนยังเด็ก สมเด็จย่าสอนอะไร ในหลวงจะเอากระดาษมาจด ตอนเรียนหนังสือที่ Swiss ในหลวง เข้ามาบอกสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพื่อน ๆ เขามีจักรยานกัน แม่บอกว่า ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็เก็บสตางค์ ที่แม่ให้ไปกินที่โรงเรียนไว้ซิ เก็บมาหยอดกระปุก วันละเหรียญ สองเหรียญ พอได้มากพอ ก็เอาไปซื้อจักรยาน นี่คือสิ่งที่แม่สอน 2. ใครเคยเห็นภาพที่สมเด็จย่า เสด็จไปในที่ต่าง ๆ แล้วมีในหลวง ประคองเดินไปตลอดทาง เคยเห็นไหม ในหลวงบอกว่า "ไม่ต้อง" คนนี้เป็นแม่เรา เราประคองเอง ตอนเล็ก ๆ แม่ประคองเรา สอนเราเดิน หัดให้เราเดิน เพราะฉะนั้น ตอนนี้แม่แก่แล้ว เราต้องประคองแม่เดิน เพื่อเทิดพระคุณท่าน ไม่ต้องอายใคร 3. ทุกครั้งที่ในหลวงไปหาสมเด็จย่า ในหลวงต้องเข้าไปกราบที่ตัก สมเด็จย่าก็จะดึงตัวในหลวงเข้ามากอด กอดเสร็จก็หอมแก้ม ใครเคยเห็นภาพสมเด็จย่า หอมแก้มในหลวงบ้าง 4. สมเด็จย่า ประชวร อยู่ทีโรงพยาบาลศิริราช ในหลวงไปเยี่ยม ตอน ตี 1 ตี 2 ตี 4 เศษ ๆ จึงเสด็จกลับ ไปเฝ้าแม่วันละหลายชั่วโมง แม่พอเห็นลูกมาเยี่ยม ก็หายป่วยไปครึ่งหนึ่งแล้ว 5. ที่วังสระปทุม ในหลวงเสด็จฯ “พาแม่” สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีกลับมาวังสระปทุม พระตำหนักซึ่งทรงเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกไว้เพื่อให้ทรงพักฟื้นได้เร็วยิ่งขึ้น 6. ก่อนสมเด็จย่าจะสิ้นพระชนม์ปีเศษ ตอนนั้นอายุ 93 ในหลวงเสด็จจากวังสวนจิตร ไปวังสระปทุม ตอนเย็นทุกวัน ไปทำไมครับ ไปกินข้าวกับแม่ ไปคุยกับแม่ ไปทำให้แม่ชุ่มชื่นหัวใจ วันนั้น ในหลวงเฝ้าสมเด็จย่า อยู่จนถึงตี 4 ตี 5 เฝ้าแม่อยู่ทั้งคืน จับมือแม่ กอดแม่ ปรนนิบัติแม่ จนกระทั่งแม่หลับจึงเสด็จกลับ พอไปถึงวังเขาโทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์ ในหลวงรีบเสด็จกลับไปศิริราช เห็นสมเด็จย่านอนหลับตาอยู่บนเตียง ในหลวงทำยังไงครับ ในหลวงตรงเข้าไป คุกเข่า กราบลงที่หน้าอกแม่ พระพักตร์ในหลวง ตรงกับหัวใจแม่ ขอหอมหัวใจแม่เป็นครั้งสุดท้าย ซบหน้านิ่งอยู่นาน แล้วค่อย ๆ เงย พระพักตร์ขึ้น น้ำพระเนตรไหลนอง ต่อไปนี้ จะไม่มีแม่ให้หอมอีกแล้ว เอามือ กุมมือแม่ไว้ มือนิ่ม ๆ ที่ไกวเปลนี้แหละ ที่ปั้นลูกจนได้เป็นกษัตริย์ เป็นที่รักของคนทั้งบ้านทั้งเมือง ชีวิตลูกแม่ปั้น มองเห็นหวีปักอยู่ที่ผมแม่ ในหลวงจับหวีค่อย ๆ หวีผมให้แม่ หวี หวี หวี หวี ให้แม่สวยที่สุด แต่งตัวให้แม่ ให้แม่สวยที่สุด ในวันสุดท้ายของแม่ เป็นภาพที่ประทับใจ ที่สุด เป็นสุดยอดของลูกกตัญญู หาที่เปรียบไม่ได้อีกแล้ว กษัตริย์... ยอดกตัญญู ภาพเหล่านี้ และภาพในหลวง ทรงเข็นรถให้สมเด็จย่า ที่โรงพยาบาล ทรงถ่ายรูปให้สมเด็จย่าอย่างมีความสุข เป็นภาพความอบอุ่นของครอบครัวให้คนไทยชื่นใจเป็นภาพเหตุการณ์ที่พสกนิกรชาวไทยต่างซาบซึ้งในความรักที่พระองค์ทรงมี ต่อสมเด็จย่าอันเป็นที่รักยิ่ง สมเด็จย่า สอนลูก 1. สมเด็จย่าทรงเริ่มจากการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก ทำเป็นต้นแบบในเรื่องของการมีวินัย การรักการค้นคว้าศึกษาหาความรู้ การประพฤติตัวที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม 2. สมเด็จย่าทรงเป็นพระมารดาที่มีเป้าหมายในการเลี้ยงลูกอย่างชัดเจน คือทรงตั้งใจพัฒนาอบรมลูกๆ ให้ดีในทุกๆ ด้าน เพื่อให้เป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมือง ทรงไม่คิดถึงประโยชน์ของพระองค์เอง ของพระโอรส หรือ พระธิดา แต่ทรงมองถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ 3. สมเด็จย่าทรงวางแผนการดำเนินชีวิตให้กับพระโอรส พระธิดา ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทรงเน้นเรื่องวินัยในการดำเนินชีวิต พระองค์รับสั่งถึงคำว่า “ระเบียบวินัยอย่างมีหลักการ” คือ จะปล่อยให้พระโอรสและพระธิดาเล่นอย่างอิสระ โดยจะทรงให้เล่นกับธรรมชาติ ต้นไม้ น้ำ ทรงเน้นให้เล่นกับสิ่งที่มีในธรรมชาติ มากกว่าของเล่น การกำหนดขอบเขตของเวลา ในการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างความสมดุลให้กับชีวิต ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเติบโตของเด็กๆ ต่อไป 4. การสอนของสมเด็จย่า จึงเน้นที่กระบวนการ หรือ วิธีการมากกว่าคำตอบ ทำให้พระองค์ รวมถึงพระโอรส พระธิดาทั้งสาม เป็นผู้ที่ทรงรู้อะไร รู้ลึก และ รู้จริง ในทุกๆ เรื่องที่ทรงค้นคว้า 5. ทรงสอนให้พระโอรสพระธิดารู้จักความรับผิดชอบ นั่นคือ มาตรฐานในการใช้ชีวิต ที่ทรงอบรม เวลาพระโอรส พระธิดา ทรงทำผิด จะทรงเรียกมาอธิบายเหตุผล ให้เข้าใจเสียก่อน ทรงเน้นในเรื่องการทำตัว เป็นคนดี ซื่อสัตย์ มีระเบียบวินัย และ แข็งแรง โดยทักษะเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานในการเผชิญกับโลกเมื่อลูกโตขึ้น 6. ทรงมีหลักในการพัฒนาพระโอรส พระธิดา เช่นต้องมีจริยธรรม ซื่อตรง ที่สำคัญคือการเน้นเรื่องการพัฒนาจุดแข็ง โดยทรงตรัสไว้ว่าในโลกนี้ ไม่มีใครดี 100% ต้องหาจุดอ่อน และ จุดแข็งของลูกให้เจอ เพื่อพัฒนาในส่วนนั้นได้ตรงจุด พ่อรักแม่ น่ารักตั้งแต่แรกเจอ..” .เธอคือรอยยิ้มของฉัน She is my smile “ ในหลวงตอบนักข่าวฝรั่ง ที่ถามว่า “ ทำไมในหลวง จึงไม่ค่อยยิ้ม “ 1. เหตุการณ์รักแรกพบ และรักนิรันดร์ เกิดขึ้นใน พ.ศ. ๒๔๘๙ ในหลวงเสด็จฯ ไปยังประเทศฝรั่งเศส เพื่อทอดพระเนตรรถยนต์พระที่นั่งแทนคันเดิมซึ่งทรงใช้มานาน โปรดเกล้าฯ ให้ ม.จ.นักขัตรมงคล กิติยากร เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีสพร้อมครอบครัว เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท วันนี้เองที่ทรงพบกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากรฯ ธิดาของ ม.จ.นักขัตรมงคล และ ม.ล.บัว ที่มารับเสด็จ 2. โดยวันนั้น ม.ร.ว.สิริกิติ์ แต่งตัว เรียบร้อย สวมสูทสีเนื้อ ไว้หางเปียยาวถึงหลัง ในหลวงเสด็จฯ มาถึงช้ากว่ากำหนด ทราบสาเหตุภายหลังว่า เนื่องจากรถยนต์พระที่นั่งเกิดเสียและน้ำมันหมด ตรัสว่าทรงจำได้ดีถึงสีหน้าของ ม.ร.ว.สิริกิติ์ ที่ทั้งหิวและรอนาน 3. ข้าพเจ้าไม่ทราบมาก่อนว่า พระองค์ท่าน ทรงรักข้าพเจ้า เพราะเวลานั้นอายุเพิ่งย่าง ๑๕ ปี ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นนักเปียโน เป็นนักเปียโนที่แสดงในงานคอนเสิร์ต ตอนพระองค์ท่านประทับที่โรงพยาบาล หลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีพระอาการหนักมาก ม.ร.ว.สิริกิติ์ ฯเข้าเฝ้าฯ เยี่ยมพระอาการที่ โรงพยาบาลเป็นประจำทุกวัน ในหลวงทรงหยิบรูปข้าพเจ้าออกมาจากกระเป๋าโดยที่ข้าพเจ้าไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า พระองค์ทรงมีรูปของข้าพเจ้าอยู่ พระองค์ทรงรักข้าพเจ้า ตอนนั้นข้าพเจ้า คิดถึงแต่เรื่องที่จะอยู่กับคนที่ ข้าพเจ้ารักเท่านั้น ไม่ได้นึกไปไกลถึงหน้าที่ และ ภารกิจของพระราชินีเลย " 4. ต่อมาภายหลัง ม.จ.นักขัตรมงคล กิติยากร ก็ทรงย้ายไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ทำให้ในหลวงต้องทรงเดินทางกว่า 600 กิโลเมตร กว่าที่จะได้ทรงพบกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ ในแต่ละครั้ง 5. 12 สิงหา 2492 ในงานฉลองวันคล้ายวันเกิดครบ 17 ปี ของ ม.ร.ว.สิริกิติ์ ณ สถานทูตไทยกรุงลอนดอน “ในหลวงทรงได้พระราชทานแหวนให้แก่ ม.ร.ว.สิริกิติ์ ซึ่งเป็นวงเดียวกับที่สมเด็จพระบรมราชชนก เคยประทานให้แก่สมเด็จพระบรมราชชนนี ในครั้งอดีต และ ได้มีพระราชกระแสรับสั่งในขณะที่ทรงมอบว่า“สิ่งนี้เป็นของสำคัญยิ่ง และเป็นที่ระลึกด้วย” 6. ปี 2492 ในหลวงทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร ต่อมาวันที่ 28 เมษายน 2493 ณ วังสระปทุม และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร และสถาปนา ม.ร.ว.สิริกิติ์เป็นสมเด็จพระราชินี ภาพความทรงจำในความรักของพ่อกับแม่ ประทับตาตรึงใจแก่ลูกๆ และประชาชนไปตลอดกาล