คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา ครบทั้ง 500 คน  โดยแบ่งเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน และส.ส.เขต 400 คน น่าจะเป็นทำให้การเมืองขยับเดินหน้า ไปได้อีกสเต็ป ! 


 จากนี้จะเป็นขั้นตอนที่กกต.จะส่งมอบ ส.ส.ใหม่ป้ายแดง ไปยัง สภาผู้แทนราษฎร  และไปสู่การเปิดประชุมสภาฯ นัดแรกเมื่อภายหลังการประกาศรับรอง 15 วัน  หมายความว่าจากนี้ไปสิ่งที่จะตามมา คือ ความวุ่นวาย ระลอกใหม่  ทั้งการเปิดหน้าเลือก ประธานสภา ที่ประเมินแล้วว่า ศึกระหว่าง พรรคเพื่อไทย-พรรคก้าวไกล น่าจะจบลงด้วยดี
 เมื่อ แกนนำพรรคเพื่อไทยทั้ง ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และ ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ประสานเสียงในทิศทางเดียวกันว่า พรรคเพื่อไทยจะเปิดทางให้ พรรคการเมืองที่ได้ อันดับหนึ่ง ได้เก้าอี้ประธานสภาฯ ไป ซึ่งหมายความว่าพรรคเพื่อไทย ต้องยอมถอย ให้กับพรรคก้าวไกล เพราะไม่เช่นนั้นหวั่นว่า ปัญหาจะไม่จบ 
 แต่เกมนี้ยังต้องดูกันต่อ เพราะอาจจบไม่จริง อย่าลืมว่า อดิศร เพียงเกษ แกนนำพรรคเพื่อไทย เองออกมาโวย ค้านสุดตัวที่พรรคเพื่อไทยจะยกเก้าอี้ประธานสภาฯให้กับพรรคก้าวไกล ไปง่ายๆ โดยเฉพาะหากมาจากความเห็นของคนเพียง ไม่กี่คนในพรรคเพื่อไทย


 ดังนั้นหมายความว่า ความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทย หากยัง ไม่สะเด็ดน้ำ  อาจกลายเป็น ก๊อกสอง ที่จะส่งผลต่อ ข้อตกลง ระดับ คีย์แมน ของสองพรรค ที่เห็นพ้องกันไปแล้ว เพราะอย่าลืมว่า ข้อเสนอของ อดิศร ที่บอกให้ โหวตกันในสภาฯ คือความสุ่มเสี่ยงที่ พรรคก้าวไกล แทบมองไม่เห็น โอกาสชนะ ด้วยซ้ำ 


 นอกจากนี้เมื่อภายหลังการประกาศรับรองส.ส. ครบทั้ง 500 คนของกกต.เสร็จสิ้นไปแล้ว อย่าลืมว่า ช็อตต่อไปที่หลายคนกำลังเฝ้ามอง และต้องลุ้นกันต่อ คือปัญหาการพิจารณาคำร้องเรื่อง คุณสมบัติ ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และว่าที่นายกฯคนที่ 30  จะเดินต่อไปอย่างไร ? 


 เพราะเมื่อกกต.ประกาศรับรองส.ส.แล้วเมื่อพิจารณากรณีพิธา ถือหุ้นไอทีวี จบลงแล้ว เมื่อพบว่า มีมูลก็จะต้องส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 82 ซึ่งจุดนี้คือจุดที่พรรคก้าวไกล วิตกไม่น้อย ว่าหากเรื่องคดีหุ้นไอทีวียังไม่จบ จะไปกระทบกับการโหวตนายกฯ หรือไม่