สถานการณ์ทางการเมือง ยามนี้ต้องบอกเลยว่า พร้อมที่จะ พลิก ได้ตลอด ต่างฝ่ายต่างงัดทุกกลยุทธ์ ขึ้นมาต่อสู้กัน ทุกทาง ! 


 เมื่อการจับมือของ 8พรรคการเมือง ประกาศร่วมหัวจมท้ายชูเสียงข้างมาก 312 เสียง โดยมี พรรคก้าวไกล  คือแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มี ว่าที่นายกฯ  ชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล   แต่ดูเหมือนว่า  บรรยากาศและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเชื่อมั่น จากวันที่รู้ผลเลือกตั้งหลังปิดหีบไม่กี่ชั่วโมงในวันที่ 14 พ.ค.66  กำลังแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง 


 เริ่มชัดว่า ความมั่นใจของ8 พรรคร่วมรัฐบาล ถูกสั่นคลอนด้วย ข่าวลือ ที่กำลังทำพิษ ยิ่งเมื่อกกต.ประกาศรับรองการเลือกตั้งส.ส.ครบทั้ง 500 คน เร็วกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ภายใน 60วันหลังการเลือกตั้ง กลับยิ่งสร้างความหวั่นไหว 


 ทั้งในเรื่องของ เก้าอี้นายกฯคนที่ 30 นั้น ชื่อของ พิธา จะฝ่าด่าน ส.ว. ไปได้หรือไม่ แม้ล่าสุด ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้แถลงต่อสื่อแสดงความมั่นใจกรณีที่รวบรวมเสียงส.ว. ณ ขณะนี้ว่าน่าพอใจที่เดินหน้าพูดคุยกับ ส.ว.และได้เสียง ส.ว.เพิ่มมาเรื่อยๆ


  อีกนิดเดียวจะถึงเป้าที่ต้องการแล้ว 376 เสียง ทั้งนี้ อาจจะต้องมีการทำเป้าเพิ่ม หากประธานสภาต้องงดออกเสียง และหาเสียงสำรองไว้เพื่อป้องกัน ส.ว.บางคนเปลี่ยนใจในอนาคตจึงต้องป้องกันไว้ก่อน และยืนยันต้องทำให้เสียงสนับสนุนในอนาคตเกินเป้า (20 มิ.ย.66) 


 อย่างไรก็ดี ความมั่นใจจากรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ต่อได้เสียงส.ว.ครบทั้ง 64 คนเพื่อมาเติมอีก 312 เสียงของรัฐบาล 8 พรรค จนดันตัวเลขไปถึง 376 เสียง เพื่อส่งชื่อพิธา นั่งนายกฯได้สำเร็จนั้น ในความเป็นจริงแล้ว เสียงส.ว.อาจจะไม่ได้ตามเป้าแล้ว ยังมีรายงานว่า ส.ว.ที่เคย แสดงตัว ว่าจะยกมือสนับสนุนพิธา ราว 10 กว่าเสียงนั้น ก็อาจจะ ลดลง ด้วยซ้ำ 


 หมายความว่า พรรคก้าวไกล ยังไม่สามารถ ทำแต้ม รอเสียงจาก ส.ว.ได้เพิ่มจนครบ 64 เสียงแล้ว ในอีกแนวรบหนึ่ง ยังน่าสนใจว่า จนถึงวันนี้ แรงกดดันว่าด้วยเรื่องเก้าอี้ ประธานสภาฯ จากพรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคอันดับ 2 ยังไม่มีท่าทีว่าจะได้ข้อยุติ 


 มีรายงานว่า ในการพูดคุยเรื่องเก้าอี้ประธานสภาฯระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ที่ยากจะหาจุดลงตัวได้นั้น เป็นเพราะไปผูกกับ สูตรตัวเลขการแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรีในครม. ใหม่อีกด้วยต่างหาก เนื่องจากสองพรรคตกลงกันที่ 14กระทรวง และ บวก1 โดย พรรคก้าวไกล ได้14เก้าอี้รัฐมนตรี และ 1เก้าอี้นายกฯ ส่วนพรรคเพื่อไทย ได้14 เก้าอี้รัฐมนตรี กับอีก 1เก้าอี้ ประธานสภาฯ 


 ดังนั้นจึงทำให้ตลอดหลายวันที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยเองแม้ แกนนำ ทั้ง ภูมิธรรม เวชยชัย สุทิน คลังแสง ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาฯพรรค หรือแม้แต่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค จะออกมาส่งสัญญาณ ว่า ให้ยึดตัวเลขส.ส.จากการรับรองของกกต. เป็นหลัก พรรคไหนได้อันดับ1 พรรคนั้นได้เก้าอี้ประธานสภาฯไป แต่เรื่องกลับจบไม่ง่ายเช่นนั้น เพราะยังมีส.ส.ในพรรค มองว่า หากเป็นเช่นนั้นเท่ากับว่า พรรคเพื่อไทย จะได้เพียง 14 รัฐมนตรีเท่านั้น 


 ตราบใดที่การเจรจาแบ่งสรรเก้าอี้รัฐมนตรี และประธานสภาฯ ยังติดกึก อยู่เช่นนี้ ยิ่งทำให้ ข่าวลือ ที่สะพัดทั้งที่ปล่อยกันเอง หรือแม้แต่ที่มาจาก ขั้วรัฐบาลเดิม  ก็สามารถ เขย่าขวัญ รัฐบาลเสียงข้างมากได้ตั้งแต่ยกแรกที่เห็น !