9 ก.ค.66 นี้ ทุกสายตากำลังรอลุ้นว่า ประชาธิปัตย์ จะได้ หัวหน้าพรรคคนใหม่ เข้ามาทำหน้าที่ต่อจาก จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ที่ลาออกแสดงความรับผิดชอบ หลังจากที่ไม่สามารถนำทัพสู้ศึกเลือกตั้งได้สำเร็จ เมื่อพรรคพาส.ส.เข้าสภาผู้แทนราษฎร มาได้เพียง 25ที่นั่ง น้อยกว่า การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 หายไปกว่าครึ่ง !
 การเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ถูกกำหนดเอาไว้ในการประชุมใหญ่ วันอาทิตย์ที่ 9ก.ค.นี้ กำลังมีความเคลื่อนไหว สองขั้วอำนาจในพรรคเมื่อต่าง ต่างผลักดัน คนของตนเองเข้าชิงเก้าอี้ 


 ขั้วอำนาจของ เฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ส่งคนเข้าชิง ด้วยกัน 2 คน คือ นายกชาย เดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรค และ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์  ซึ่งเคยลงสมัครผู้ว่าฯกทม.มาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าดร.เอ้ ยังแบ่งรับ แบ่งสู้ ยังไม่ตัดสินใจ


 ขณะที่อีกฝั่งหนึ่ง ออกโรงหนุน มาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ให้กลับมากอบกู้พรรค ในยามวิกฤติ ทั้งอดีตส.ส.และอดีตกรรมการบริหารพรรค ที่มองว่า นาทีนี้เห็นจะมีแต่อภิสิทธิ์ ดีกรีอดีตนายกฯเท่านั้น ที่จะเข้ามาฟื้นศรัทธาให้กับพรรคได้ 


 แต่การที่ฟากของขั้วหนุนอภิสิทธิ์ จะชนะได้นั้นต้องยอมรับว่า เหนื่อยหนัก เอาการทีเดียว หากขั้วนี้ไม่สามารถเดินสายหาเสียงให้ได้ถึง 3 ใน5 จากองค์ประชุมเพื่อเสนอให้งดเว้นการใช้ข้อบังคับพรรค ใช้สัดส่วน 70: 30 ให้ส.ส. มีน้ำหนักมากกว่าองค์ประชุมในตำแหน่งอื่นๆ ย่อมทำให้เดชอิศม์ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับกลุ่มเฉลิมชัย มีแนวโน้มว่าจะชนะการโหวตเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ไปได้ในที่สุด 


 เมื่อ ส.ส.25 คนของพรรคประชาธิปัตย์ พบว่ามี กว่า 20คนอยู่ในมือของเฉลิมชัย ถือเป็น ต้นทุน ตุนเสียงโหวต จองเก้าอี้กันเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
 

อย่างไรก็ดี  วันนี้สูตรที่อาจเป็นทางออกที่ดี สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ คือการที่สองขั้วอำนาจในพรรคต่างคนต่างถอย   จนมีสูตรที่เป็นทางออก ที่ถูกพูดถึงว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ที่ อภิสิทธิ์ นั่งหัวหน้าพรรค และเดชอิศม์ นั่งเลขาฯพรรค  เพื่อลดความขัดแย้ง 


 แต่ทั้งนี้ อย่าลืมว่าไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะจบลงที่สูตรใด ก็ตาม จะต้องเป็นสูตรที่ทำให้พรรคสามารถเดินหน้าได้ต่อไป โดยเฉพาะการทำหน้าที่ ฝ่ายบริหาร มากกว่าที่จะไปเป็น ฝ่ายค้าน !