ในความขัดแย้ง ทุกความวุ่นวายทางการเมือง ที่กำลังดำเนินไป ทั้งในรัฐสภา ตลอดจนความเคลื่อนไหวบนท้องถนน ที่มีแนวโน้มว่า แม้หลังการโหวตนายกฯคนที่ 30 จบลงไปในวันที่ 13 ก.ค.66 ไปแล้ว ก็ใช่ว่าจะสงบราบรื่นนั้น แน่นอนว่า ย่อมไม่มี บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อยู่ในสมการแห่งการเมือง 
 การประกาศวางมือทางการเมือง ของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันอังคารที่ 11ก.ค.ที่ผ่านมา ถูกตีความกันไปต่างๆนานา ว่า จะเป็นการลดเงื่อนไขความขัดแย้ง  โดยจะคงเอาไว้เพียงการทำหน้าที่ นายกรัฐมนตรีรักษาการ  ทำหน้าที่บริหารประเทศไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้าถวายสัตย์ ฯ 


 และเหนืออื่นไปกว่านั้น คือการถอยออกจาก วังวนทางการเมือง หักล้างทุกข้อครหาในเรื่องของการตั้งรัฐบาลแข่ง หรือการถูกโยนชื่อเข้าไปชิง นายกฯแข่งกับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ล้วนแล้วแต่ทำให้บรรยากาศในบ้านเมืองยิ่งร้าวลึก 


 มีหลายฝ่ายพากันตั้งข้อสังเกตว่าภายหลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศวางมือทางการเมือง ไปแล้วดูจะมีอารมรณ์ดีขึ้น ยิ้มแย้มแจ่มใส โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อว่าเขาเองยังไม่มีแผนเรื่องการไปพักผ่อน  และที่สำคัญยังตอบคำถามด้วยว่า  ไม่ได้อยู่เบื้องหลังใครทั้งสิ้น  รวมทั้งจากนี้คงไม่มีการเปิดแถลงข่าวเรื่องการประกาศวางมือทางการเมืองอีก


 ท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ ที่เอาตัวเองถอยออกจาก การเมืองครั้งนี้  แม้ทั้งตนเอง และพรรครวมไทยสร้างชาติ จะย้ำอยู่หลายครั้ง ว่าไม่มีการตั้งรัฐบาลแข่ง  เพราะในความเป็นจริงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องการเป็นนายกฯ ของรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะประเมินได้ว่า การเลือกเดินในทางนี้ต่อ มีแต่จะเกิดปัญหาตามมา ไม่สิ้นสุด 


 การเลือกลงจากหลังเสือของพล.อ.ประยุทธ์  แน่นอนว่าจากนี้จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ความระแวงสงสัย ความเคลือบแคลง จากฝ่าย ว่าที่รัฐบาลใหม่ ที่เกาะกัน 312เสียง ทั้ง 8 พรรคการเมือง  เพราะเหนืออื่นใด การตัดสินใจวางมือทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ ย่อมถูกมองว่านี่คือการ ปลดล็อค เงื่อนไข มีเรา ไม่มีลุง ที่พรรคก้าวไกล ประกาศ ปิดประตู ทั้ง บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กับ พล.อ.ประยุทธ์ มาโดยตลอด 


 แต่เมื่อวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ วางมือ และถอยออกจากการเมืองแล้ว เท่ากับว่า ไม่มี ลุงตู่ บนสังเวียนการเมืองแล้ว จะเหลือให้ลุ้น ก็คงมีแต่ ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร จากพรรคพลังประชารัฐ ที่แม้จะเงียบ อยู่ในที่ตั้ง แต่ไม่ได้หมายความว่า พรรคพลังประชารัฐ จะไม่มีความเคลื่อนไหว แต่อย่างใด !