วันโหวต นายกฯคนที่30  รอบสอง วางไทม์ไลน์กันเอาไว้แล้ว ในวันพุธที่ 19 ก.ค.66 นี้ กำลังเป็นเสมือน ตัวเร่ง ให้การเมืองเข้าสู่จุดปะทะมากขึ้น หลังจากบรรยากาศทางการเมือง ปะทุระอุกันมาพักใหญ่ 


 ผลจากการโหวตนายกฯรอบแรก  ทำให้เกิดเอฟเฟกซ์กระทบกันถ้วนหน้า ทั้งฝ่ายพรรคก้าวไกลเอง ที่ยังไม่สามารถผลักดัน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ขึ้นนั่งนายกฯได้สำเร็จ อีกทั้งยังพบว่า ตัวเลขเสียงในรัฐสภาที่โหวตให้พิธา 324 เสียงนั้นยังห่างไกล จากความเป็นจริงคือ 376เสียง เสียงเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา พิธา และพรรคจึงจะสมหวัง 


 แรงตกกระทบจากฝ่ายสนับสนุน พิธา ทั้งในและนอกสภาฯ  ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ ม็อบแนวร่วม หรือประชาชนที่ไม่พอใจ จากการที่ ส.ว. ไม่ยอมโหวตเทคะแนนให้กับพิธา จนทำให้พ่ายแทบไม่เป็นรูป เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น ได้เพิ่มดีกรีมากขึ้น ทั้งการ คอลเอ้าท์ ผ่านโลกโซเชี่ยล โจมตีไปยังส.ว. ตลอดจนคนในครอบครัว 
 รวมถึง ทนายอานนท์ อานนท์ นำภา แกนนำม็อบราษฎร เป็นหัวหอกจัดกิจกรรม คาร์ม็อบ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ก.ค.  ปลุกมวลชน ขับรถลงถนนเพื่อกดดันส.ว.กันอย่างดุเดือด ควบคู่ไปกับการที่ พรรคก้าวไกล เพิ่งยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว.  เป็นการเปิดหน้าชน นัยว่า เมื่อส.ว.ไม่ทำตามในสิ่งที่พวกเขาต้องการ ก็ตัดอำนาจส.ว.ในการเลือกนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ ม.272 ไปเสียเลย


 อย่างไรก็ดี สถานการณ์ที่ทั้งพิธา และพรรคก้าวไกล ต้องเผชิญหน้า และอาจหนักหนาสาหัส มากกว่าการออกแรง รบรา กับ ส.ว. และ ขั้วอำนาจเก่า ที่จับมือแพคกัน 188 เสียง นั่นคือการแก้โจทย์ที่ว่า จะทำอย่างไร เอ็มโอยู8พรรคร่วม  ที่ 8 พรรคการมืองได้จับมือประกาศตั้ง รัฐบาลเสียงข้างมาก  312 เสียงหลังการเลือกตั้งจบลงไปเพียงวันเดียวนั้น จะจับมือ เกาะกันแน่นเหนียว ไปจน ตลอดรอดฝั่ง  !  


 สภาวการณ์ของพรรคก้าวไกล เวลานี้ไม่ต่างไปจากชีวิตคู่ที่กำลังรอวัน หย่าร้าง อย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง !  
 

เมื่อในพรรคร่วมรัฐบาล ที่ต่างเคยหมายมั่นปั้นมือกันเอาไว้แล้วว่า ภายหลังได้ตัว นายกฯคนที่ 30 เสร็จสิ้นลงไปแล้ว แผนการเล่นต่อไปคือการ จัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีในครม. ได้อย่างลงตัวและ เป็นทางการ แต่เมื่อในความเป็นจริงแล้ว พรรคก้าวไกล ยังไม่ยอมถอยประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 และยัง เปิดเกมแรง ลุยชนกับส.ว. ด้วยการยื่นแก้กฎหมาย ปิดสวิตช์  ตัดอำนาจเช่นนี้ โอกาสที่จะได้นายกฯ ก็ริบหรี่ 


 และเหนืออื่นใด อย่าลืมว่า ขั้วอำนาจเดิม 188เสียง ก็ไม่ได้ยุติความเคลื่อนไหว ปิดฉากในสนามต่อสู้ลงไปแต่อย่างใด กระแสข่าวเรื่องการเสนอชื่อ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ดังสะพัดเขย่าขวัญกันวันละ สามเวลา 
 

ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจหากวันนี้ เวลานี้ มีความพยายามส่งสัญญาณจาก แกนนำ ใน8พรรคร่วมฯด้วยกันเอง แนะนำให้ พิธา ถอยออกมา ไม่อย่างนั้นจะพากัน ตายหมู่ ทั้งหมด !