การนัดหมายหารือร่วมกันระหว่าง 8พรรค ที่ประกาศจับมือตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก  312เสียง  ถูกเลื่อนออกไปในวันเดียวกันถึง 2-3 ตลบ ทำเอาสื่อมวลชนพากันมึนงง ตั้งหลักแทบไม่ถูก แต่หากได้จับสัญญาณกันมาก่อนหน้านี้  ย่อมจะอ่านได้ออกว่าเมื่อเรื่องราว ล่วงเลยมาถึงขั้นนี้แล้ว การนั่งโต๊ะเจรจาพูดคุยกัน ของ8พรรค แทบเกิดขึ้นได้ยากเต็มที 


 แม้ พรรคเพื่อไทย จะประกาศท่าทีในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลว่า การเชิญตัวแทน พรรคการเมือง ทั้ง5พรรคเข้าร่วมพูดคุยกันเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา นั้นย้ำว่าไม่มีการเชื้อเชิญให้มาเข้าร่วมรัฐบาล อย่างที่ พูดกันไป คาดการณ์กันไป 


 หากแต่เป็นการหาทางออกจากวิกฤติของประเทศร่วมกัน และพบว่า 5พรรคต่างระบุเป็นโทนเดียวกันว่า จะไม่หนุนรัฐบาลเสียงข้างมาก หากยังมี พรรคก้าวไกล ที่มีแนวคิดแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพราะเป็นเรื่องที่ รับกันไม่ได้ 


 เท่ากับว่า นี่คือสิ่งที่ตอกย้ำว่า หากพรรคเพื่อไทย และอีก6 พรรคร่วมรัฐบาลใหม่ ไม่มี พรรคก้าวไกล 5พรรคการเมือง ที่แม้จะอยู่ ข้ามขั้ว ก็ยินดีสนับสนุน แต่ทั้งนี้อย่าลืมว่า ในการเจรจาความทางการเมืองนั้น การที่ว่าที่รัฐบาลไปขอเสียงจาก ว่าที่ฝ่ายค้าน ให้ยกมือโหวต แคนดิเดตนายกฯ ของฝ่ายตนเองเปล่าๆ โดยไม่มีเรื่องการพูดคุย เก้าอี้ในครม. คงเป็นเป็นได้ยาก 


 และที่สำคัญไปมากกว่านั้น คือการที่พรรคเพื่อไทย ออกบัตรเชิญ พรรคการเมือง ที่พรรคก้าวไกล ประกาศ ไม่ร่วมรัฐบาล ด้วยพากันพาเหรดเข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย อย่างคึกคัก ทั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ  พรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย ล้วนแล้วแต่เป็นพรรคการเมือง ที่ยืนประจันหน้ากับพรรคก้าวไกล อย่างชัดเจน หรือแม้แต่พรรคชาติพัฒนากล้า ซึ่งพรรคก้าวไกล เคยทาบทามให้มาร่วมรัฐบาลด้วย แต่เมื่อ ด้อมส้ม  พากันถล่มผ่านโลกโซเชียล พรรคก้าวไกล ก็เลือกใช้วิธี ปิดฉากเจรจา เสียอย่างนั้น
 ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงถูกตั้งข้อสังเกตว่าจงใจ ยืมปาก ของ 5พรรคการเมือง บีบ ก้าวไกล ให้ตัดสินใจ  ถอนตัว จากการร่วมรัฐบาล ไปเอง แต่ปรากฏว่านอกจากพรรคก้าวไกล จะไม่เล่นตามเกม ดังกล่าวแล้ว ยังเลือกที่จะเอาหลังพิงฝา ประกาศอยู่ร่วมรัฐบาลกันไปเช่นนี้ 


 แน่นอนว่าเมื่อพรรคก้าวไกล ใช้วิธีไม่ยอมถอย ไม่ประกาศถอนตัวจากรัฐบาล จึงทำให้พรรคเพื่อไทย เดินต่อได้ลำบาก เพราะแม้ ไมตรี ที่พรรคเพื่อไทย ทอดให้กับ พรรคการเมือง แทบทุกพรรค ชนิดข้ามขั้ว มีสัญญาณออกมาในทางที่เป็น บวก ทั้งต่อโอกาสที่จะเดินหน้าตั้งรัฐบาล 


 ไปจนถึงการส่ง แคนดิเดตนายกฯ  ของพรรคเพื่อไทย ให้ที่ประชุมรัฐสภา ได้โหวต ต่อจาก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์  หัวหน้าพรรคก้าวไกล จึงติดขัด อย่างที่เห็น
 ว่ากันว่า กุนซือ ที่วางแผนการเล่นให้กับพรรคก้าวไกล สู้กับทั้งพรรคเพื่อไทย และฟากตรงข้าม ในฝ่าย ขั้วรัฐบาลเดิม นั้นก็มาจาก คนที่เคยอยู่พรรคเพื่อไทย มาก่อน ที่รู้มือ และอ่านเกมของพรรคเพื่อไทย จนจับทางได้ถูก !