และแล้วเมื่อเอ็มโอยู  8 พรรคร่วมฯ ถูกฉีกลง ตามไทม์ไลน์การเมืองที่ถูกวางเอาไว้ คล้ายจะพอดิบพอดี !   เมื่อพรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล ใช้เวลาในการพูดคุยกันนานกว่า 3 ชั่วโมง ก็สามารถได้ข้อยุติว่า ต่างคน ต่างไป  จากนี้ 8พรรคร่วมรัฐบาลเสียงข้างมาก 312เสียง  กลายเป็นเรื่องของอดีต  จากนั้นทุกอย่างจะเดินไปสู่ บทเริ่มต้น บทใหม่ โดยที่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งนำโดย พรรคเพื่อไทย จะไม่มี พรรคก้าวไกล อยู่ในสมการ อยู่ในสูตรใหม่อีกต่อไป 


 เมื่อเวลา 14.10 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ทีมเจรจาการจัดตั้งรัฐบาลของพรรค ทั้งภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ต่างตั้งโต๊ะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการต่อสื่อมวลชน 


 โดยหลักใหญ่ใจความ อยู่ที่ว่า พรรคเพื่อไทยขอถอนตัว จากการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคร่วม  เนื่องจาก พรรคก้าวไกล ไม่ยอมถอยเรื่องการเสนอแก้ไขมาตรา112 อันเป็น เงื่อนไขหลัก ที่ทำให้การโหวตนายกฯคนใหม่ ไปต่อไม่ได้ ซึ่งจะกระทบไปถึงการเดินหน้า จัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งแน่นอนว่า พรรคเพื่อไทย ไม่สามารถรอต่อไปถึง 10เดือน เพื่อให้ 250สว. ชุดปัจจุบัน หมดวาระลงได้ 


 ทั้งนี้ดูเหมือนว่า แรงกดดันจาก คาร์ม็อบที่บุกไปประท้วง แสดงความไม่พอใจพรรคเพื่อไทย ที่สลัดทิ้งพรรคก้าวไกล เมื่อวานนี้ (2 ส.ค.66)  ทั้งการตะโกนด่าทอ หรือการเผาหุ่น หน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย ย่อมไม่เกิดผลใดๆ ที่จะทำให้ แผนการเล่น ของพรรคเพื่อไทย ต้องเปลี่ยนไป

 
 และเมื่อมีความชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทย จะก้าวขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่มีพรรคก้าวไกล ร่วมด้วย สเต็ปต่อไปจึงอยู่ที่การประกาศโฉมหน้า รัฐบาลใหม่ ซึ่งหลายฝ่ายกำลังรอลุ้นว่า จะมี พรรคการเมืองของ 2ลุง ร่วมด้วยหรือไม่ 


 ทั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเคยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เคยนั่งในตำแหน่งสำคัญ หรือพรรคพลังประชารัฐ ที่มี บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค  เพราะอย่าลืมว่าสูตรที่เคยถูกพูดถึง และกดดันต่อ พรรคก้าวไกล จนเกิดเป็นผลสำเร็จ ครั้งนี้ก็มาจาก  มีลุง ไม่มีเรา มีพรรค 2ลุง จึงไม่มี ก้าวไกล นั่นเอง !