ดูเหมือนว่าข้อเสนอและเสียงเรียกร้องจาก พรรคก้าวไกล ที่เคยเป็น สหายเก่า ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก 312เสียง อาจไม่มีความหมายมากพอสำหรับ พรรคเพื่อไทย เสียแล้ว เพราะไม่เช่นนั้น เพื่อไทยคงไม่เดินหน้าเร่ง ปิดดีล ด้วยการดึงพรรคการเมืองข้ามขั้ว มาร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาล
7 ส.ค.66 ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย แจ้งกำหนดการกระชั้นชิดต่อสื่อมวลชน ว่าในช่วงเย็นพรรคเพื่อไทยจะแถลงความร่วมมือทางการเมืองกับ พรรคภูมิใจไทย ประกาศจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ในท่ามกลางบรรยากาศอันคึกคัก ที่พรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ช่วงบ่าย
ขณะที่ไทม์ไลน์กำหนดการทำงานของ เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังคงปฏิบัติภารกิจกับ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ร่วมคณะตรวจความพร้อมเปิดใช้งานอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT 1) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
ดังนั้น เมื่อเสี่ยหนู อยู่กับบิ๊กตู่ จึงทำให้บิ๊กตู่ ต้องตอบคำถามเรื่องความเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ฟากพรรคเพื่อไทย เพราะมี เสี่ยหนู เป็นตัวละครสำคัญในสมการ รัฐบาลใหม่
อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวของ พรรคเพื่อไทยที่ส่งสัญญาณเดินเกมรุก ในระหว่างที่ ทุกฝ่ายยังรอความชัดเจนจาก ศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 16 ส.ค.นี้ว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องกรณีที่ประชุมรัฐสภา เสนอชื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โหวตนายกฯซ้ำรอบที่ 2 ได้หรือไม่ เพราะยิ่งล่าช้า สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย อาจตกเป็นรอง
ทั้งในแง่ของ แคนดิเดตนายกฯ ที่ชื่อ เศรษฐา ทวีสิน ที่พรรคเตรียมเสนอชื่อให้รัฐสภาพิจารณาโหวตให้ความเห็นชอบ กำลังถูกตีหนัก จาก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง จนอาจทำให้ สว. ต้องเงี่ยหูฟังว่า เศรษฐา มีปัญหาติดขัดเรื่องคุณสมบัติตามมาหรือไม่
การขยับดึงพรรคภูมิใจไทยให้มาปรากฎตัวที่พรรคเพื่อไทย เป็นครั้งที่สองเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา แม้ตัวอนุทิน จะให้สัมภาษณ์ ก่อนร่วมแถลงข่าวว่า ครั้งนี้เป็นการไปพบกันเพื่อพูดคุยหาทางออกร่วมกัน ก็ตาม แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว นี่อาจเป็น คำตอบ ที่กำลังบอกไปยังพรรคก้าวไกล ว่าโอกาสที่จะรีเทิร์น กลับไปจับมือกันกันอีก คงเป็นไปได้ยากเสียแล้ว !