ในสมการการจัดตั้ง รัฐบาลใหม่ โดย พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ ที่ก้าวขึ้นมาแทนที่ พรรคก้าวไกล กำลังดำเนินไปด้วยความเข้มข้น  โดยที่มีความคืบหน้า ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นที่น่าพอใจ เพราะหากจับสัญญาณจาก ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าวันนี้เสียงของรัฐบาลใหม่มีมากพอเกินครึ่งแล้ว 


 การเคลื่อนไหวในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย แม้จะต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันอย่างหนัก ทั้งจากนักวิชาการ และฝ่ายที่สนับสนุน พรรคก้าวไกล ด้วยเหตุที่ไม่พอใจกับสูตรตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ใช้สูตรพิสดาร พลิกไปจับมือกับพรรคการเมือง ในฝ่ายขั้วอำนาจเก่า โดยเฉพาะ พรรคพลังประชารัฐ ของ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และมีรายงานว่าบ่งชี้ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ  เข้าร่วมด้วย 


 แม้ในทางนิตินัยแล้ว วันนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะไม่มี บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นั่งอยู่ในตำแหน่งใด ตำแหน่งหนึ่งในพรรคแล้วก็ตาม แต่การประกาศวางมือทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ กลับยังไม่สามารถทำให้ ฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล เชื่อได้สนิทใจว่า การเมืองไทย ไร้อิทธิพลของ 2ลุง 


 แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ แล้วน่าสนว่า ในสูตรการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ กลับไม่มีสัญญาณใดๆชัดได้ว่าประชาธิปัตย์จะได้ ร่วมขบวน ในรัฐบาล เศรษฐา 1 เหมือนกับพรรคอื่นๆด้วยหรือไม่ ? 


 ความพยายามจากกลุ่มการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์ ในฝ่ายที่นำโดย เฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค มีกำลังสส.ในมือราว 22 คนต้องการผลักดันให้มีการประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อเลือก กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ให้ลุล่วง  จากนั้นจึงจะเดินไปสู่ช็อตต่อไป นั่นคือการตัดสินใจร่วมกันผ่านมติพรรคว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นายกชาย เดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา มือทำงานที่เฉลิมชัยไว้ใจ เดินทางไปฮ่องกงและเจ้าตัวยอมรับว่าได้เจอกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จริง จนเป็นที่มาของ ดีลลับฮ่องกง และชี้ว่า เฉลิมชัยต้องการผลักดันให้พรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 25 เสียงเข้าร่วมรัฐบาล


 แต่ดูเหมือนว่าความต้องการของกลุ่มเฉลิมชัย สวนทางกับกลุ่มอดีตหัวหน้าพรรค ไม่ว่าจะเป็น ชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค , อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บัญญัติ บรรทัดฐาน และจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์  อดีตหัวหน้าพรรคที่ไม่ต้องการนำพรรคไปร่วมรัฐบาล


 จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าพรรคประชาธิปัตย์จะนัดหมายประชุมใหญ่สามัญฯ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ กันเมื่อใด เท่ากับว่าปัญหาใหญ่ของพรรคยังคาราคาซัง อยู่เช่นนี้ ! 


 และนี่อาจกลายเป็นเงื่อนไขที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ตกขบวน เศรษฐา 1  ที่พรรคเพื่อไทย กำลังให้สัญญาณว่านี่คือว่าที่รัฐบาลใหม่ ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจให้กับคนไทย 


 อย่างไรก็ดีในอีกทางหนึ่ง การตกขบวนสำหรับประชาธิปัตย์ครั้งนี้ จนอาจต้องกลับไปทำหน้าที่ ฝ่ายค้าน น่าจะถือเป็นโอกาสดีที่พรรคจะได้ใช้เวลาพลิกกลับมาเก็บแต้ม ทำคะแนนนิยม เพื่อรอการเลือกตั้งรอบหน้า !