31 สิงหาคม 66 ถือเป็นวันสุดท้ายสำหรับการทำงาน การทำหน้าที่ นายกรัฐมนตรี ของ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา   จึงทำให้บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล เต็มไปด้วยความคึกคัก แต่กลับแฝงไว้ด้วย การอำลา  จากเพื่อนพ้อง ของพล.อ.ประยุทธ์ จากเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 12 ไปจนถึง ฝ่ายการเมือง 


 พล.อ.ประยุทธ์ ถือฤกษ์  09.09 น. ทำการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบฯ ศาลพระภูมิเจ้าที่ และศาลตา ศาลยาย  จากนั้นจะใช้ฤกษ์เวลา 13.00 น. สักการะพระพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า และถือฤกษ์เดินทางออกจากทำเนียบฯ ในเวลา 14.00 น. พร้อมกันนี้จะส่งคืนรถประจำตำแหน่ง และของหลวงทั้งหมด ก่อนเดินทางออกจากทำเนียบฯด้วยรถยนต์ส่วนตัว


 ขณะที่ บิ๊กป้อมพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  ได้เปิดใจ ให้สัมภาษณ์สื่อในระหว่างเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ที่ สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ว่า จะไม่ทำงานการเมืองแล้ว และเตรียมลาออกจากสส. ของพรรคพลังประชารัฐ คงเหลือเอาไว้เฉพาะตำแหน่ง หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เท่านั้น


  ห้ามถามการเมืองนะ ไม่เล่นการเมืองแล้ว เป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียว ไม่ได้เล่นการเมือง  บิ๊กป้อม บอกกับสื่อ 
 

อย่างไรก็ดี กระแสข่าวเรื่องพล.อ.ประวิตร จะลาออกจากการเป็นสส.พรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นั้นมีมาอย่างต่อเนื่อง และในทุกครั้งก็จะสร้างแรงสั่นสะเทือนไปยังพรรคพลังประชารัฐ  และแม้วันนี้ พรรคจะได้รับตั๋วเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ไปเรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าเมื่อภายในพรรคมีด้วยกันหลายกลุ่ม หลายขั้ว


  ดังนั้นหากไม่มีพล.อ.ประวิตรนั่งคุมอยู่หัวโต๊ะแล้ว การควบคุม ความขัดแย้ง ภายในย่อมเป็นไปได้ยาก ดังนั้นจึงอาจเป็นเหตุผลที่แม้พล.อ.ประวิตร จะตัดสินใจเตรียมยื่นใบลาออกจากสส. แต่ยังคงเหลือเก้าอี้หัวหน้าพรรคเอาไว้ เพื่อกัน พรรคแตก 


 เมื่อทั้งบิ๊กตู่ บิ๊กป้อม ต้องถึงวัน ถอยฉาก  ออกจากการเมือง จากนี้ เมื่อล่วงเข้า 1 ก.ย. 66 จะเป็นห้วงเวลาของ รัฐบาลใหม่ ที่ขับเคลื่อนโดย กัปตันคนใหม่ คือ เศรษฐา ทวีสิน นายกฯคนที่ 30  โดยที่ทุกอย่างจะต้องเดินหน้าไปตามกระบวนการขั้นตอนก่อนนำชื่อครม.ใหม่ ขึ้นทูลเกล้าฯ ไปจนถึงการนำเข้าถวายสัตย์ฯ และเศรษฐา นำแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา


 ห้วงเวลาการนับหนึ่ง เริ่มต้น ของรัฐบาลใหม่ จะล้อไปกับการเริ่มต้นปีงบประมาณ และภารกิจการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2566 ลุล่วงลงไปแล้ว ในห้วงรัฐบาลเก่า ที่หลายฝ่ายต่างประเมินแล้วว่า ไม่ว่าจะ เพื่อไทย จะส่งใครเข้ามานั่งคุมกระทรวงกลาโหม ในฐานะ สนามไชย1 ก็คงไม่สามารถแตะกองทัพได้อยู่ดี !