แม้วันนี้ สถานะของ พรรคประชาธิปัตย์ กับ พรรคก้าวไกล ต่างเป็น ฝ่ายค้าน เหมือนกัน แต่หลายคนย่อมประเมินได้ไม่ยากว่า ทั้งสองพรรคเหมือนปลาคนละน้ำ  แนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองไปคนกันละทิศ ละทาง 

 ในสนามเลือกตั้งซ่อม สส.ระยอง เขต3 ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 10 ก.ย.66 นี้ ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และก้าวไกล ต่างต้องมาห้ำหั่นกัน ผ่านตัวผู้สมัคร ของพรรคตัวเอง โดยพรรคก้าวไกล ส่ง พงศธร ศรเพชรนรินทร์ สวมเสื้อพรรคแทนคนเดิม คือ ไอซ์ ระยอง หรือ นครชัย ขุนณรงค์ ที่ต้องประกาศลาออกจากสส. เมื่อมีการขุดคุ้ยประวัติว่า เคยต้องโทษติดคุกมาเป็นเวลา 30ปี ถือว่าขาดคุณสมบัติ การสมัครสส. 
 
ในการเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค.66 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า นครชัย ชนะอันดับ 1 กวาดไปได้ 29,034 คะแนน  และรอบนี้พรรคก้าวไกลคาดหวังว่าจะสามารถรักษาเก้าอี้เอาไว้ได้  ดังนั้นแกนนำพรรค จึงพากันยกคณะลงไปช่วย พงศธร หาเสียงอย่างคึกคัก 
 
แต่การเป็นแชมป์เก่า อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพรรคก้าวไกล เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ เองก็ไม่ยอมถอย ส่ง นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ อดีตสส.ระยอง 3สมัย ถือคะแนนเก่าในมือ 14,668 คะแนน ทำให้แพ้แก่นครชัย ในรอบที่แล้ว 
 
ทว่ารอบนี้ ในการเลือกตั้งซ่อม วันที่10 ก.ย.นี้ นพ.บัญญัติ น่าจะมีลุ้น เพราะนอกจากจะได้ กำลังใจดีจาก แกนนำพรรค ทั้ง ชวน หลีกภัย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ไปจนถึงเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาฯพรรค ที่แม้จะมีรอยร้าวต่อกัน แต่เมื่อเจอกับ ศึกนอก จึงต้องวาง ศึกในเอาไว้ก่อน 
 
และน่าสนใจว่า นพ.บัญญัติ น่าจะมีลุ้นจากคะแนนของผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทย ซึ่งรอบนี้ทั้งสองพรรคไม่ส่งคนลงมาสู้ในสนาม  อาจจะเทมาหนุนนพ.บัญญัติ  จนทำให้เกิดเซอร์ไพรส์ในเขตนี้ ขึ้นมาได้ 
 
อย่างไรก็ดี สำหรับพรรคก้าวไกล แล้วไม่ว่าผล แพ้หรือชนะในสนามเลือกตั้งซ่อมเขต 3 ระยอง ครั้งนี้จะออกมาอย่างไร ย่อมเป็นการสะท้อนให้เห็นถึง กระแสความนิยม ว่าพรรคก้าวไกล จะยังแรง เหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ หรือเมื่อการเมืองเปลี่ยน พรรคก้าวไกลกลายเป็นฝ่ายค้าน พลาดหวังจากการเป็นรัฐบาลไปแล้ว ยังจะโดนรุมถล่มนอกสภาฯ ตามมาอีกด้วยหรือไม่ 
 
และสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ เองหากสามารถชนะเลือกตั้งครั้งนี้ จะกลายเป็นความหวัง ในยามที่พรรคกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันยากลำบาก ที่กำลังรับมืออยู่ !