การตัดสินใจ เล่นเกมเร็ว ของ พรรคก้าวไกล ด้วยการที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ  ประกาศ ลาออก  จากตำแหน่ง หัวหน้าพรรค  เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อ กองเชียร์ ตามมาโดยไม่ต้องคาดเดา 


 หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า กว่าที่พิธา จะเดินมาถึงจุดที่ต้อง ตัดสินใจ เช่นนี้ ผ่านการพูดคุยกับแกนนำในพรรคก้าวไกล รวมถึง แกนนำคณะก้าวหน้า จนตกผลึกมาแล้วใช่หรือไม่ เพราะเมื่อเลือกที่จะเดินหนทางนี้ ทิ้งตำแหน่ง หัวหน้าพรรค  ย่อมเกิดผลตามมาด้วยกันหลายทาง ทั้งบวก และลบ 

 ปัญหาของพรรคก้าวไกล วันนี้ คือการต่อสู้และรับมือกับ สัญญาณ ในทางร้าย ที่กระเซ็นกระสายมาโดยตลอดว่า พรรคก้าวไกลจะไม่ได้ เก้าอี้ ตัวใดๆ ทั้งสิ้น ไม่เพียงแต่ที่ พิธา จะพลาดจาก นายกฯคนที่30 เท่านั้น แต่ตำแหน่ง รองประธานสภาฯคนที่ 1 ที่ ปดิพัทธ์ สันติภาดา นั่งอยู่ในเวลานี้ ก็จะต้องถูกบีบจนต้องลุกออกไป ในที่สุด 

 ด้วยการกดดันให้ ต้องเลือก ว่า ระหว่างตำแหน่งรองประธานสภาฯ กับ ผู้นำฝ่ายค้าน ในสภาฯ นั้น พรรคก้าวไกล ประเมินแล้วหรือไม่ว่า เก้าอี้ตัวใด ที่มีความสำคัญต่อภารกิจในฝ่าย นิติบัญญัติ มากที่สุด !


 การลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกลของพิธา เพื่อต้องการเปิดทางให้ แกนนำ ในพรรคได้เข้ามาทำหน้าที่ ผู้นำฝ่ายค้าน  เพราะตัวของเขาเอง จนถึง ณวันนี้ยังไม่รู้ว่าจะได้ กลับ เข้าสภาฯ อีกหรือไม่ และเมื่อใด ขณะที่สถานการณ์ภายนอก ก็กดดันให้พรรคก้าวไกล ต้องแสดงท่าทีออกมาว่า จะเอาอย่างไร ? 

 เพราะวันนี้ ยังไม่มี ผู้นำฝ่ายค้าน ในสภาฯ  แม้ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เองมีความชัดเจนอยู่แล้วว่า ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ต้องเป็นของพรรคก้าวไกล แต่หากพรรคก้าวไกล ทว่าหากพรรคก้าวไกลต้องการเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้าน ก็ต้อง สละ ตำแหน่งรองประธานสภาฯ ด้วย 


 ทางด้านพรรคก้าวไกลเอง ประเมินสถานการณ์ว่า การที่ถูกบีบเช่นนี้ อาจทำให้ต้องเหลือเพียง เก้าอี้ตัวใด ตัวหนึ่ง และจนถึงเวลานี้ พรรคก้าวไกล ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะออกทางไหน เพราะไม่ว่าทางใด ก็ล้วนแล้วแต่เป็นหนทางที่ เอื้อประโยชน์ ให้กับพรรคก้าวไกลน้อยลงทุกที 


 แต่เหนืออื่นใด การประกาศลาออกหน้าตำแหน่งหัวหน้าพรรค ของพิธา อาจสร้างความเสียหายในทางการเมือง ต่อการ ยึดกระแส ที่ตัวพิธา เคยทำเอาไว้มากพอที่จะ ฉุดพรรค ให้มีชัยเหนือคู่แข่ง โดยประเมินจากการเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค.66 ที่ผ่านมา จนเกิดเป็นวลีที่ว่า กระแสของพิธา นั้นแรงมาก จนถึงขนาดที่ว่า เอาใครลงสมัครก็ชนะได้หมด จนเป็นที่มาของการได้สส. 151เสียง เข้าสภาฯ อย่างที่เห็น 

 ทว่า เมื่อวันนี้และวันข้างหน้า พิธาจะไม่ใช่หัวหน้าพรรคก้าวไกล  ย่อมส่งผลต่อคะแนนนิยมตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย  เพราะหัวหน้าพรรคคนใหม่ ก็ยากที่จะได้ใจประชาชน เหมือนกับที่พิธา เคยทำเอาไว้ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จึงเป็นความกังวล และ ปัญหา ที่รออยู่เบื้องหน้า และแน่นอนว่าแกนนำในพรรคต่างรู้กันดี !