ทุกความเป็นไปของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยง ที่จะสร้างผลกระทบต่อ พรรคเพื่อไทย ทั้งทางบวกและลบ รวมถึงยังส่งแรงกระแทกพุ่งไปถึง เศรษฐา ทวีสิน นายกฯคนปัจจุบันโดยไม่ต้องสงสัย !   
 
แม้ทั้งตัว อดีตนายกฯทักษิณ และคนในครอบครัวชินวัตร ต่างพากันออกมาปฏิเสธว่าการตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทย หลังหลบหนีคดีไปพำนักในต่างแดนยาวนาน17 ปี  นั้นไม่เกี่ยวข้องกับกิจการ หรือพรรคเพื่อไทย แต่นี่คือการเลือกกลับมารับโทษในทางคดี และพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ของไทย ด้วยหวังว่าจะได้ใช้ ชีวิตบั้นปลาย อยู่กับหลานๆ ทั้ง7 คนที่เมืองไทย ก็ตาม 

 ทว่าในความเป็นจริงที่พรรคเพื่อไทยเอง ไม่อาจปฏิเสธได้  ว่าเสียงเรียกร้องจากกลุ่มการเมืองภาคประชาชน บางกลุ่มอย่างคปท.ที่ติดตาม ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาเปิดเผยทั้ง ภาพ การรักษาตัวของทักษิณ ตลอดจนรายละเอียดอาการเจ็บป่วย 

 เพราะต่างพากันข้องใจว่า ทักษิณ ป่วยจริงหรือไม่  หรือ ป่วยการเมือง เพื่อหวังที่จะหาช่องออกมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แล้วมาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ก่อนที่จะหาทาง ขยับ ให้พ้นจากการควบคุมตัวในเรือนจำเหมือนผู้ต้องหาคนอื่นๆ 

 การเคลื่อนไหวในเชิงทวงถาม และต่อต้านการใช้อภิสิทธิ์ ของทักษิณ ในกระบวนการยุติธรรม จากหลายต่อหลายกลุ่มขยับมาโดยต่อเนื่อง แม้จะยังเดินไปไม่ถึงขั้น ระดมมวลชนหรือปลุกม็อบกันชุดใหญ่ก็ตามที จะด้วยเพราะเป็นช่วงของการเริ่มต้น รัฐบาลใหม่ และ นายกฯคนใหม่ อย่างเศรษฐา ที่ผู้คนในสังคมรอคอยนโยบายต่างๆที่เทเม็ดเงินใส่ลงมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการออกมาตรการลดค่าใช้จ่าย ช่วยลดค่าครองชีพ 

 แต่ย่อมไม่ได้หมายความว่า ปัญหาเฉพาะตัวของ อดีตนายกฯทักษิณ จะไม่กระทบต่อพรรคเพื่อไทยและนายกฯเศรษฐา ในวันข้างหน้า  เมื่อใดที่มีความชัดเจนว่าทักษิณ ไม่ได้ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ  

 เพราะนอกจากคปท.แล้ว ล่าสุด กลุ่มประชาภักด์พิทักษ์สถาบัน(ปภส.) ไปยื่นหนังสือถึงนายกฯเศรษฐา ขอให้ดำเนินการตามอำนาจทางกฎหมาย อำนาจตามรัฐธรรมนูญ อำนาจตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 6 (1) (2) (3) (4) (5) 
 
โดยขอให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการรับตัวนักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร หลังคำสั่งขังของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566 พบว่ามีการเลือกปฏิบัติผิดแปลกไปจากการควบคุมนักโทษทั่วไป

 รวมถึงขอให้มีคำสั่งเรียกพยานหลักฐานเพื่อเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนทั้งประเทศได้หายเคลือบแคลงสงสัย และเรียกความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ทั้งในกรณีที่นำนักโทษคนดังกล่าวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จริงหรือไม่ พักอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจจริงหรือไม่ สอบสวนโรค ป่วยร้ายแรง จริงหรือไม่

 แน่นอนว่า การเคลื่อนไหวภาคประชาชนที่มีต่อประเด็นการรับโทษ ของอดีตนายกฯทักษิณ ในห้วงเวลานี้ยังเป็นเพียง จุดสตาร์ท  และยังอยู่ในช่วงของการ เลี้ยงกระแส ไม่ให้เงียบหาย  จนกลายเป็นความเงียบถูกกลบด้วยประเด็นการเมืองต่างๆ แต่ทั้งนั้นทั้งนี้เมื่อเรื่องของทักษิณ ย่อมไม่ใช่เรื่องราวส่วนตัว เฉพาะคนในครอบครัวชินวัตร หากแต่ เมื่อใดที่ปะทุขึ้นมา ผลกระทบนั้นจะกระแทกไปถึงรัฐบาลเพื่อไทย อย่างไม่อาจเลี่ยงได้อยู่ดี !