การประสานเสียงให้สัมภาษณ์ ของ อดิศร เพียงเกษ ประธานวิปรัฐบาล และ ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม  ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ออกมาในท่วงทำนองเดียวกัน  นั่นคือการบีบให้ พรรคก้าวไกล ต้องเร่งตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรกับปัญหาเรื่อง 2เก้าอี้หลัก ในฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ยังค้างคาอยู่ !  

 ทั้งเก้าอี้ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ซึ่งปัจจุบันมี หมออ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา นั่งอยู่ในโควตาของพรรคก้าวไกล  จะถึงเวลาที่ต้อง ลุก ออกจากตำแหน่งนี้หรือไม่ 
 เมื่อ ล่าสุดพรรคก้าวไกล เพิ่งมีมติเลือก ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ ขึ้นมาทำหน้าที่ หัวหน้าพรรคคนใหม่ แทน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ เนื่องจากถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยออกมา ซึ่งไม่มีใครบอกได้ว่า เมื่อใด และอีกนานแค่ไหน ? 

 แต่เมื่อพรรคก้าวไกล ไม่ต้องการให้เก้าอี้ ผู้นำฝ่ายค้าน ตกไปเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคในปีกฝ่ายค้านด้วยกัน ที่มีสส.จำนวนรองลงมา แต่ขณะเดียวกันกลับมีรายงานว่า พรรคก้าวไกลเตรียมที่จะใช้วิธี ขับ หมออ๋อง พ้นจากพรรคก้าวไกล เพื่อรักษา สถานะสส. แล้วให้ไปสังกัดพรรคเป็นธรรม ซึ่งแน่นอนว่า วิธีเช่นนี้ดูจะเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เกิดการยอมรับ
 
 เพราะจะเท่ากับว่า พรรคก้าวไกลต้องการทั้งเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้านและรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เอาไว้ในมือ โดยอาศัยวิธีซิกแซก ซึ่งจนวันนี้ ก็ยังไม่มีความชัดเจน อย่างใดอย่างหนึ่งออกมาจากพรรคก้าวไกล จึงเป็นเหตุที่แกนนำพรรคเพื่อไทย ต้อง ส่งสัญญาณ แจ้งเตือนดังๆ จะด้วยในฐานะที่ยังต่างเป็น คู่อาฆาต ทางการเมืองมาตั้งแต่เมื่อ ดีลล่ม จากการตั้งรัฐบาลที่ผ่านมา หรือไม่ก็ตาม 

 ทั้งนี้ครูมานิตย์ มองประเด็นว่า หากมีการขับปดิพัทธ์ออกไปอยู่พรรคอื่น อาจจะเกิดข้อร้องเรียนในสภา ให้มีการตรวจสอบหรือไม่ ว่า อาจจะไม่มีข้อร้องเรียน แต่เขาเลี่ยงบาลีเรื่องความชอบธรรมได้ และที่สำคัญพรรคก้าวไกลจะใช้เหตุอะไรในการขับออก ! 
  การขับออกจะด้วยประเด็นอะไร เพราะสมัยที่แล้วคนที่ถูกขับออกก็มีวลีเกิดขึ้นว่า เป็น งูเห่า งูจงอางแล้วนายปดิพัทธ์ จะเป็นงูอะไร แต่ถามว่าเขาผิดกฎหมายหรือไม่ เขาไม่ได้ผิด แล้วจะใช้ข้อกล่าวหาอะไรที่จะขับ ต้องมีข้อกล่าวหาที่สังคมรับได้ เพราะคุณบอกว่าคุณเป็นพรรคการเมืองแนวใหม่ แต่พวกตนมันคนเก่าคนแก่ คุณจะนำเสนอสิ่งใหม่ๆ แต่ออกมาแบบนี้ จะชอบธรรมหรือ 

 สถานการณ์สำหรับพรรคก้าวไกลเวลานี้ ไม่ต่างจากถูกบีบให้ต้องเลือก เพียงเก้าอี้เดียว และต้องเล่น ในสนามที่ถูกจำกัดเอาไว้แล้ว นั่นคือเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้าน ที่ดูจะเป็นประโยชน์น้อยกว่าเมื่อเทียบกับ การมีส่วน กำหนดเกมในสภาฯ ในวาระสำคัญๆ 
 ขณะที่พรรคเพื่อไทยเอง ดูเหมือนว่าจะอยู่ในลักษณะถือแต้มต่อ และช็อตต่อไปคือการปั้น ผู้นำพรรคเพื่อไทย ขึ้นมานำทัพ ซึ่งล่าสุดกระแส ขานรับ ชื่อ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร  หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย อย่างต่อเนื่อง บนความเชื่อมั่นว่า การมีแพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ จะตอบโจทย์การเมืองในยุคที่พรรคเพื่อไทย พลิกเกมกลับมายึดทำเนียบรัฐบาลได้สำเร็จ 

 และเหนืออื่นใด พรรคเพื่อไทย ยังต้องเร่ง ชิงกระแส คนทุกๆรุ่นที่พากัน เทใจ ไปสนับสนุนพรรคก้าวไกล จนเอาชนะการเลือกตั้งเมื่อพ.ค.2566 ที่ผ่านมา ได้อย่างถล่มทลาย 
 ไม่ว่าจะเป็น คนรุ่นใหม่ ไปจนถึง คนเสื้อแดง ที่พากันเปลี่ยนไปใส่ เสื้อสีส้ม เปิดตัวเป็น ด้อมส้ม ทิ้ง อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร กันอย่างเห็นๆ !