เมื่อราวสัปดาห์ก่อน หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ได้ออกมาตอบคำถามสื่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อ เสถียรภาพ ของรัฐบาลผสม ในจังหวะที่ พรรคเพื่อไทย กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก !

 เมื่อนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย อย่างการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท อยู่ในภาวะที่เรียกว่า จะเดินหน้าต่อก็ลำบาก ครั้นจะ ถอย ก็ยิ่งหนักหนาสาหัส ดังนั้นเมื่อในจังหวะที่ดูเหมือนว่าหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่เป็นใจ ต่อพรรคเพื่อไทยมากนัก แล้ว พรรคร่วมรัฐบาล  จะเลือกหนทางใด

 เพราะอย่าลืมว่าก่อนหน้านี้เมื่อมีเสียงท้วงติง คัดค้านการเดินหน้านโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต จากฝ่ายการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ ไปจนถึงนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ อย่างหนัก หนึ่งในข้อเสนอแนะ คือการทิ้งคำถามไปยัง พรรคร่วมรัฐบาล ถามใจว่าจะเอาด้วยหรือไม่ ? 

 หากพรรคเพื่อไทย ยังคงเดินหน้าผลักดันนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต กันต่อ แม้จะต้องสุ่มเสี่ยงกับปัญหาวินัยการเงิน การคลัง ตามมา ยังไม่นับรวมกรณีที่ องค์กรอิสระ ตามรัฐธรรมนูญ ที่กำลังเฝ้าติดตามนโยบายดังกล่าว ทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ,คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปจนถึง ผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่เพิ่งรับเรื่องจากภาคประชาชนให้ส่งเรื่องไปยัง ศาลรัฐธรรมนูญ  

 แต่ปรากฏว่าทั้ง อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค  รองนายกฯและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ  ต่างประสานเสียงในทิศทางเดียวกันว่า ในฐานะรัฐบาล ก็ต้องสนับสนุนอยู่แล้ว  แต่ทั้งนี้ต้องดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบกับภาพเศรษฐกิจอย่างที่ประชาชนเป็นห่วง  และโดยมารยาท พรรคร่วมรัฐบาลต้องปฏิบัติตามนโยบาย 

 เช่นเดียวกับการที่อนุทิน ตอบคำถามสื่อกรณีเรื่องจะลอยแพพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ว่า เมื่อเป็นนโยบายของรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาลจะต้องช่วยกันสนับสนุน แต่ก่อนจะออกเป็นนโยบายจะต้องผ่านการพิจารณาของ ครม. และการตราเป็นพระราชบัญญัติ

  เมื่อเป็นนโยบายของรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาแล้ว เราก็มีหน้าที่ในการทำให้นโยบายของรัฐบาลได้รับการผลักดัน ไม่มีการลอยแพอยู่แล้ว แต่อยู่ในเรือนแพ 

 แน่นอนว่าการจับมือตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก 11 พรรคการเมืองนั้น เมื่อพรรคเพื่อไทย สลัดมือจาก พรรคก้าวไกล ขั้วเดิมแล้วมาจับมือกับ พรรคการเมือง ในปีกที่ล้วนแล้วแต่เคยอยู่กับ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯคนที่ 29 แทบทั้งสิ้น จะมีก็แต่พรรคพลังประชารัฐ ที่วันนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของปีก ร.อ.ธรรมนัส พรพมเผ่า รมว.เกษตรฯ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็นหลัก  ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ ฝ่ายคัดค้าน การเดินหน้านโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ของพรรคเพื่อไทย จะชงข้อเสนอให้ พรรคร่วมรัฐบาล เริ่มมองหาทางหนีทีไล่ หากนโยบายดังกล่าวอาจพากันพังทั้งครม. 
 อย่างไรก็ดี เมื่อมองกลับไปท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งพรรคภูมิใจไทยและรวมไทยสร้างชาติเอง ย่อมมองในมุมที่ต่างไปจาก ฝ่ายคัดค้าน
 

เพราะการเมืองในยุค เศรษฐา1 เพิ่งเริ่มต้น และผ่านพ้นไปได้เพียง 2เดือนเศษเท่านั้น ใช่ว่า พรรคเพื่อไทยเองจะไม่มีการเตรียมแผนการเล่นเพื่อ ถอย เพื่อต่อวีซ่าอายุรัฐบาล เอาไว้แต่อย่างใด !?