รศ.ดร.ไชยา ยิ้มวิไล แม้ผ่านไปแล้ว 26 วัน แต่ความโศกเศร้าอาดูรของคนไทยที่มีต่อ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ยังคงหลั่งไหลเนืองแน่นเข้ากราบพระบรมศพในพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาประสาท พระบรมมหาราชวัง วันละน่าจะประมาณ 3 หมื่นกว่าคน อย่างไรก็ตาม “ความจงรักภักดี” ของพสกนิกรชาวไทยนั้นยังคงหนาแน่นและตราตรึงในหัวใจคนไทยตลอดกาล อย่างไรก็ตาม “ข่าวลือ-ข่าวบิดเบือน” ที่ยังคงมีการเผยแพร่อย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนไทยเชื่อมั่นแต่ประการใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ภาพที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงทั้งโอบกอด จับพระหัตถ์กับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี” หรือ “การโอบกอดของทั้งสองพระองค์ และแทบทุกพระบรมวงศานุวงศ์ที่สวมกอดกัน” ดังนั้นภาพที่ปรากฏตามสื่อมวลชน จึงทำให้คนไทยมิได้เชื่อข่าวลือแต่ประการใด! ทั้งนี้ ผมเชื่อมั่นว่า “คนไทยรักพ่อหลวงพ่อของแผ่นดิน” ตลอดจนส่งเสริมสนับสนุน “ราชวงศ์จักรี” ตลอดไปอย่างแน่นอน โดยเฉพาะ “ทศพิธราชธรรม” ที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ได้ทรงซึมซับจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาตลอดหลายสิบปี และจากการที่คนไทยยังคงซาบซึ้งต่อ “พ่อหลวง” อย่างยาว เท่าที่ทราบยิ่งทำให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร “จะทรงปกครองแผ่นดินไทยโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแก่มหาชนชาวสยาม” เช่นเดียวกันอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม คงต้องขอวกออกไปสู่ “การเมืองระดับโลก” ที่อีกเพียง 1 วันเท่านั้น กล่าวคือ “วันที่ 8 พฤศจิกายน 2559” จะเป็นวันตัดสินการแข่งขันตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ทุกๆ สี่ปี จะมีการแข่งขันชิงตำแหน่ง “ประธานาธิบดีบารัค โอบามา” ครองตำแหน่งจะครบ 8 ปีแล้ว เริ่มตั้งแต่ปีค.ศ.2008 และเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนเดียวคนแรกของสหรัฐอเมริกาจากพรรคเดโมแครต ตัวแทนพรรคเดโมแครต (DEMOCRAT PARTY) ในครั้งนี้ ดังคาดหนีไม่พ้นคือ นางฮิลลารี คลินตัน ที่ซุ่มวางแผนอย่างเปิดเผยมายาวนาน โดยนางคลินตันเคยดำรงตำแหน่งอดีตสตรีหมายเลขหนึ่ง (FIRST LADY) ของอดีตประธานาธิบดีวิลลี่ยม (บิล) คลินตัน เมื่อเกือบ 20 ปีมาแล้ว และเธอได้เป็นทั้งอดีตวุฒิสมาชิกรัฐนิวยอร์ค พร้อมทั้งอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ (SECRETARY OF STATE) ในสมัยแรกของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แต่ครั้งสมัยที่สองเธอได้ขอพักชั่วคราว ซึ่งเชื่อว่า “เธอซุ่มวางแผนในการหาเสียงเข้าสู่สนามแข่งขันประธานาธิบดียุคนี้” ใครจะคิดว่า “นายโดนัลด์ ทรัมป์” มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์แห่งมหานครนิวยอร์คจะตัดสินใจเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จนในที่สุด เขาก็ได้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน (REPUBLICAN) ด้วยการฝ่าความไม่พอใจของบรรดาแกนนำพรรครีพับลิกันจำนวนมาก! แม้กระทั่งชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย ไม่ว่า นักแสดง นักการเมือง และประชาชนทั่วไป ต่างประกาศว่า “ถ้านายทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ พวกเขาจะลาออกจากการเป็นประชาชนชาวสหรัฐฯ” โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ด้วยการบอกว่าเขาอาจไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา หากว่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้จากการโต้วาทีครั้งสุดท้าย แต่ก็เปลี่ยนแปลงในที่สุด! ขณะที่ ฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครตกำลังได้แรงหนุนส่งหลังจากผ่านการดีเบตแบบเผชิญหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายในฐานะผู้ชนะ! การดีเบตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งที่ 3 และเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา เริ่มต้นขึ้นด้วยผลงานที่ถือว่าดีที่สุดของทรัมป์นับตั้งแต่ขึ้นเวทีเผชิญหน้ากับฮิลลารีที่เตรียมตัวมาอย่างดีมาก โดยหลายครั้งถึงขนาดได้เห็นทรัมป์สามารถหลบหลีกเหยื่อนที่ฮิลลารีวางล่อเอาไว้ได้ แต่หลังจากนั้น ท่ามกลางสายตาผู้ชมการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์หลายสิบล้านคน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจากพรรครีพับลิกัน มุ่งหน้าสู่ความสับสนอลหม่านทางการเมือง โดยข่มขู่อย่างท้าทายว่า จะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และประกาศกร้าวว่าจะปล่อยให้ผู้คน “ลุ้นระทึก” อย่าอกสั่นขวัญแขวน ขณะที่ฮิลลารีบอกว่า “ตกตะลึง” กับสิ่งที่เธอระบุว่าเป็นการโจมตีระบอบประชาธิปไตยอันยาวนาน 240 ปี ของสหรัฐอเมริกา และที่สำคัญทั้งคู่ไม่ได้จับมือกันเลย ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นการ “บ่อนทำลายประชาธิปไตยของเรา” แต่ทรัมป์ถอยออกจากจุดนั้นเล็กน้อยในวันถัดมาด้วยการบอกว่า เขาจะยอมรับผลการเลือกตั้งที่ “ชัดเจน” แต่เสริมด้วยว่า “ผมจะขอสงวนสิทธิ์ในการประท้วงคัดค้านหรือยื่นฟ้องร้องทางกฎหมายในกรณีที่ผลออกมาน่ากังขา” แต่ความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว โดยพรรครีพับลิกันเป็นกังวลว่า ไม่เพียงแต่โอกาสในการแย่งชิงทำเนียบขาวจากประธานาธิบดีโอบามาแห่งพรรคเดแครตจะหลุดลอยไปแล้ว แต่เรื่องดังกล่าวยังอาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาที่รีพับลิกันครองเสียงข้างมากอยู่ทั้ง 2 สภาด้วย ฮิลลารีเริ่มมีคะแนนนำทิ้งห่างทรัมป์อย่างแข็งแกร่งทั่วประเทศและมีความได้เปรียบมากขึ้นเล็กน้อยในรัฐสวิงสเตท (รัฐที่ไม่ได้มีแนวโน้มไปในการให้การสนับสนุนพรรคใดพรรคหนึ่ง) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งเข้าโค้งสุดท้าย ฮิลลารีแทบไม่ต้องออกอาวุธเลย โดยมีแกนนำระดับสูงของพรรคเดโมแครตจำนวนมากทำหน้าที่แทนเธอ ตั้งแต่ประธานาธิบดีโอบามา และมิเชล สุภาพสตรีหมายเลข 1 รองประธานาธิบดี โจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน สามีของเธอ เบอร์นี แซนเดอร์ส วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์มอนด์ ที่เป็นคู่แข่งขับเคี่ยวกันในการเลือกตั้งขั้นต้นชิงตำแหน่งตัวแทนพรรค และทิม เคน ผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี จนทำให้ชัยชนะของฮิลลารีในรัฐเหล่านี้อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าเอฟบีไอจะออกมาทำการสอบสวนกรณีอีเมล์ของเธอสมัยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ แต่คงไม่สะกิดนางคลินตันหรอก!