60 วันของการบริหารงานของรัฐบาล เศรษฐา 1 ยาวนาน 2เดือน แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ต้องเผชิญหน้านั้นหนักหน่วง แม้เขาเองจะพยายามลดโทนไม่ปะทะเรื่องราวในทางการเมือง แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องเรียกว่า หนีไม่ออก !
เมื่อค่ำวันที่ 9 พ.ย.66 ที่ผ่านมา นายกฯเศรษฐา ได้แถลงผลงานรัฐบาล ในรอบ60 วัน ด้านหนึ่งเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่า รัฐบาล ทำอะไรไปแล้วบ้าง และจากนี้ยังมีเรื่องใดที่จะต้องเดินหน้าลุยกันต่อ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพบว่า แรงกดดันทางการเมืองที่พุ่งเข้าใส่ รัฐบาล
โดยเฉพาะ พรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล และต้องผลักดัน นโยบายเรือธง คือการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1หมื่นบาทซึ่งนายกฯประกาศแล้วว่าให้รอฟังทุกอย่างวันนี้ (10 พ.ย.)
ล่าสุดมีการประเมินเกรดให้แก่รัฐบาล จาก ฝ่ายค้าน โดย ชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า สิ่งที่น่าผิดหวัง คือ รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาปากท้องเศรษฐกิจของประเทศได้ ประชาชนยังอยู่ในยุคที่ข้าวของมีราคาแพง ให้คะแนน3เต็ม 10
การทำงานของนายกฯ 2 เดือนที่ผ่านมา ก็เปรียบเสมือนนายกฯเป็นหัวหน้าทัวร์ศูนย์เหรียญ ส่วนใหญ่จะท่องเที่ยวในต่างประเทศมากกว่า และดูว่าการเดินทางต่างๆก็ไม่มีเป้าหมาย มีรัฐมนตรีแค่ 3 คนที่สอบผ่าน คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ที่ออกมาแสดงจุดยืนในเรื่องของสังคมหลายเรื่อง ทั้งเรื่องเปิดผับถึงตี 4 นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย วางแผนแก้ไขปัญหาเรื่องผู้มีอิทธิพลอย่างมีระบบ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้กับประชาชนและดูแลพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ
ขณะที่ สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง ระบุว่า 2 เดือนของรัฐบาลเศรษฐา มีความพยายามตั้งใจทำงานไม่น้อย ตัวนายกฯเองก็ทำงานไม่หยุด มีผลงานเป็นที่ชื่นชมได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังมีหลายเรื่องยังแคลงใจประชาชน และโดยสรุปสมชัยให้คะแนนรัฐบาลเศรษฐา 18 จาก 50 คะแนน หรือเท่ากับ เต็ม 100 ได้ 36 คะแนน
การตัดเกรดให้คะแนนการบริหารงานรัฐบาล จาก ฝ่ายค้านในสภาฯ อย่างแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ หรือจากสมชัย เองอาจไม่มีผลมากนัก เพราะในทางการเมืองแล้วอย่าลืมว่ายังมีปัจจัยอีกหลายมุมที่จะสามารถแปรเปลี่ยนเป็น บวก และ ลบ เพราะอย่าลืมว่า ในมิติทางการเมืองนั้น แต่ละพรรค ยังมี เครื่องมือ ที่จะนำมาใช้เรียกคะแนน สร้างกระแส เมื่อหวุดหวิดจวนเจียนจะเพลี้ยงพล้ำได้เสมอ !