เสือตัวที่ 6

สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ชมรมตาดีกาจังหวัดปัตตานี และสมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ (Civil Society Assembly For Peace – CAP) จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ End Genocide Free Palestine ที่มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี เพื่อเรียกร้องให้อิสราเอลหยุดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ โดยร่วมกันทำละหมาดฮายัด ดุอาร์และได้มีแถลงการณ์แสดงถึงจุดยืนเคียงข้างชาวปาเลสไตน์ ในฐานะชาวมุสลิมและเพื่อนมนุษยธรรมด้วยกัน โดยนายชาริฟสาอิ ตัวแทน CAP ณ มัสยิดกลางประจำจังหวัดปัตตานีแถลงการณ์ ชาวมลายูมุสลิมปาตานี / จังหวัดชายแดนใต้ แถลงการณ์ประณามรัฐอิสราเอลที่กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ในฉนวนกาซา ปาเลสไตน์ ส่งผลให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์ เด็กทารก และบุคลากรทางการแพทย์ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิตล้มตายจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ในชนวนกาซานั้นทางกลุ่มจึงขอเรียกร้อง 3ประการดังต่อไปนี้ 1.ขอเรียกร้องให้อิสราเอล ยุติการปฏิบัติการเลวร้ายทันทีต่อประชาชนปาเลสไตน์ 2.ขอให้ประชาคมระหว่างประเทศดำเนินการกดดันทางการทูตต่ออิสราเอลเพื่อให้ยุติปฏิบัติการทางทหารอย่างเร่งด่วนที่สุด และให้คำนึงถึงหลักมนุษยธรรมภายใต้กรอบกฎหมาย ระหว่างประเทศว่าด้วยการทำสงคราม 3.ขอวิงวอนต่อพี่น้องประชาชาติมุสลิมทั่วทุกมุมโลก โปรดอย่านิ่งเฉย และให้ช่วยกันสนับสนุน ช่วยกันดุอาร์ให้แก่พี่น้องของชาวปาเลสไตน์

ท่ามกลางกระแสต่อต้านอิสราเอลอย่างกว้างขวางผ่านการชุมนุมประท้วงจากภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก เพื่อแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติการทางการทหารต่อเด็กและประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่กำลังมีความรุนแรงขั้นวิกฤตในฉนวนกาซ่าปาเลสไตน์ โดยที่ผ่านมา หลังจากอิสราเอลได้ประกาศภาวะสงครามกับกลุ่มฮามาสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้เกิดกระแสการชุมนุมประท้วงอิสราเอลและสนับสนุนปาเลสไตน์ในประเทศต่างๆ ทั่วภูมิภาคแอฟริกาเหนือ รวมทั้งอียิปต์ และลุกลามไปทั่วโลกโดยบางส่วนได้ใช้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นมูลสำคัญเพื่อเรียกร้องอิสรภาพของปาเลสไตน์และต่อต้านนโยบายการพัฒนาความสัมพันธ์กับอิสราเอลไปสู่ภาวะปกติ (Normalization) ซึ่งเป็นทิศทางนโยบายที่หลายประเทศในภูมิภาคนี้นำมาใช้ในช่วงที่ผ่านมาพร้อมกับการปลุกระดมพี่น้องชาวมุสลิมทั่วโลกให้รวมพลังกันเพื่อต่อสู้กับศัตรูของพวกเขาอย่างกว้างขวางและรุนแรง ขยายตัวออกไปเป็นการปลุกเร้าให้เกิดกระแสต่อต้านผู้เห็นต่างทางความเชื่อทางศาสนาและวิถีมุสลิมในพื้นที่อื่นๆ ของโลกอย่างเข้มข้นมากขึ้นเป็นลำดับ

ชาวมุสลิมจำนวนหลายหมื่นรายกระจายตัวชุมนุมกันตามเมืองหลวงของจอร์แดน เยเมน เลบานอน อิรัก อิหร่าน ไปจนถึงปากีสถาน หลังเสร็จกิจละหมาดวันศุกร์ เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อการโจมตีกาซ่าของอิสราเอล ที่เกิดขึ้นหลังปฏิบัติการจู่โจมโดยกลุ่มติดอาวุธฮามาส ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาส ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ยังคงมีการระดมโจมตีทางอากาศของอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมแล้วกว่า 10,000 รายนอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขของปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา รายงานว่า กองทัพอิสราเอลยังระดมโจมตีทางอากาศ ใส่ขบวนรถพยาบาลของปาเลสไตน์ด้วยโดยขบวนรถพยาบาลดังกล่าว มุ่งหน้าออกจากโรงพยาบาลอัล-ชิฟา (Al-Shifa) ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองกาซา ไปยังพื้นที่ทางตอนใต้ของดินแดนที่ถูกปิดล้อมเพื่ออพยพผู้บาดเจ็บ จากเหตุการณ์นี้ ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 13 คน และบาดเจ็บอีก 50 คน ขณะที่กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) แย้งว่า กองทัพได้โจมตีขบวนรถพยาบาลที่ถูกใช้ปฏิบัติภารกิจโดยกลุ่มติดอาวุธฮามาสนอกจากนั้น อิสราเอลยังเชื่อว่า กลุ่มฮามาสได้ตั้งศูนย์บัญชาการและศูนย์ควบคุมกองกำลัง ภายใต้โรงพยาบาลอัล-ชิฟา ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน ดังนั้นอิสราเอลจึงเห็นว่า เป้าหมายดังกล่าว ถือเป็นเป้าหมายการโจมตีที่ชอบธรรมแล้ว

ความแข็งกร้าวตามแบบของคนอิสลาเอลที่คิดเสมอว่าต้องปฏิบัติต่อศัตรูฝ่ายตรงข้ามกับชาวอิสลามเอลก็คือ ตามต่อตา ฟันต่อฟัน มาโดยตลอด แม้จะมีกระแสเรียกร้องใดๆ ให้อิสลาเอลหยุดยิงชั่วคราว พร้อมการชุมนุมเรียกร้องจากชาวมุสลิมทั่วโลกสักเพียงใด นายกรัฐมนตรี เบนจามินเนทันยาฮู ของอิสราเอล ก็คงแข็งกร้าว ดุดันตามแบบ โดยแถลงว่า รัฐบาลอิสราเอลปฏิเสธที่จะทำข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวใด ๆ กับกลุ่มฮามาส จนกว่าตัวประกันกว่า 240 คนที่ถูกกลุ่มฮามาสจับไว้ในฉนวนกาซาจะได้รับการปล่อยตัวทั้งหมด และยังย้ำว่า การหยุดยิงจะเท่ากับเป็นการยอมแพ้ให้ฮามาสพร้อมประกาศว่านี่คือเวลาของสงครามปฏิบัติการภาคพื้นดินของอิสราเอลในฉนวนกาซา เป็นสิ่งที่นายกฯ อิสราเอลเรียกว่า ปฏิบัติการขั้นที่ 2 ของสงครามเพื่อขจัดกลุ่มฮามาส โดยเป็นการโจมตีทางอากาศต่อเนื่อง พร้อมขยายพื้นที่ปฏิบัติการภาคพื้นดินนับตั้งแต่กลุ่ม   ฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่า มีชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์ต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ขณะที่การระดมโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในฉนวนกาซา ได้สร้างความเสียหายทั่วพื้นที่ในวงกว้างมากที่สุดเท่าที่เคยปะทะกันมาในอดีตการปะทะกันระหว่างกองกำลังอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ทำให้สหประชาชาติ หรือ UN ออกมาแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่า ตอนนี้ไม่มีที่ไหนในกาซาที่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว

การทำสงครามทำลายล้างที่หมิ่นเหม่กับกฎหมายการทำสงครามของโลกที่ห้ามหรือให้เว้นการโจมตีสถานที่ที่ให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยหรือบาดเจ็บใดๆ อย่างสิ้นเชิง หากแต่กองทัพอิสราเอลก็มุ่งมั่นในการโจมตีเป้าหมายที่เชื่อว่าเป็นแหล่งบัญชาการและกบดานของกองกำลังฮามาสอย่างไม่ลังเลใจ โดยโฆษกกองทัพอิสราเอล เปิดเผยข้อมูลข่าวกรอง ที่อ้างว่า กลุ่มติดอาวุธอามาสใช้โรงพยาบาล เพื่อซ่อนเครือข่ายก่อการร้าย รวมทั้งใช้เป็นศูนย์บัญชาการ และแหล่งกบดานของผู้บัญชาการฮามาส รวมถึงโรงพยาบาลชีฟา โรงพยาบาลใหญ่สุดในกาซาซิตี และกล่าวหาว่า ฮามาสกำลังทำสงครามจากโรงพยาบาล โดยใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ ในทางตรงข้าม ฝ่ายปาเลสไตน์และชาวมุสลิมกลับเห็นว่าเป็นการกระทำของอาชญากรรมสงครามซึ่งควรได้รับการลงโทษอย่างสาสม สงครามที่เริ่มต้นจากกลุ่มฮามาสเองที่โจมตีอิสลาเอลอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้อิสลาเอลตัดสินใจทำการเอาคืนกับกลุ่มฮามาสอย่างรุนแรง  แม้จะมีพี่น้องชาวมุสลิมที่รายล้อมรอบประเทศอิสลาเอล ออกมาประกาศกร้าวให้อิสลาเอลหยุดยิงโดยเร็ว หากยังเข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์อย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้แล้ว เขาเหล่านั้นพร้อมสู้รบกับอิสลามเอลอย่างรุนแรงเช่นกัน ทั้งยังเป็นโอกาสสร้างกระแสการต่อสู้ทุกรูปแบบอย่างรุนแรงกับศัตรูของชาวมุสลิมทั่วทุกมุมโลก และกลุ่มเห็นต่างในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็พร้อมร่วมกระแสอันแรงกล้านี้ด้วยเช่นกัน