รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์

ประธานที่ปรึกษาสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

ไม่ว่าในยุคสมัยใดการทำงานเป็นทีมเป็นสิ่งสำคัญในทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นวงการธุรกิจ วงการการศึกษา หรือแม้แต่วงการกีฬา การทำงานเป็นทีมสามารถช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เนื่องจากการทำงานเป็นทีมสามารถรวบรวมความรู้ ความสามารถ และทักษะที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคลมารวมกัน เพื่อสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ หรือสามารถแก้ไขปัญหาได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้สมาชิกในทีมได้เรียนรู้และเติบโตร่วมกัน เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและเห็นคุณค่าของความสำเร็จร่วมกันได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

แต่เหตุผลสำคัญที่องค์กรสมัยใหม่ในทุกวันนี้ต้องมุ่งเน้นการทำงานเป็นทีมมากกว่าการทำงานคนเดียวมากยิ่งขึ้น ก็เนื่องจาก การแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น องค์กรจะอยู่รอดและเติบโตได้ต้องอาศัยกระบวนการทำงานเป็นทีมขับเคลื่อน เพื่อที่องค์กรจะได้อาศัยความรู้และทักษะจากบุคลากรหลาย ๆ คนแล้วเอามาปรับใช้และสร้างสิ่งใหม่ ๆ ให้เป็นที่ยอมรับของผู้ใช้บริการหรือลูกค้า

ยิ่งในอนาคตความต้องการของผู้คนจะมีความซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น การทำงานเป็นทีมจะเป็นกลไกที่สนับสนุนให้องค์กรเข้าใจความต้องการและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการหรือลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ปัจจัยเรื่องเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว องค์กรต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการทำงานเป็นทีมช่วยให้องค์กรสามารถเรียนรู้และรับมือกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ทันท่วงที

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องทำงานเป็น “ทีม” สิ่งหนึ่งที่มักพบก็คือ “ปัญหา” จากการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการสื่อสาร ปัญหาความขัดแย้ง ปัญหาความรับผิดชอบ ปัญหาการขาดผู้นำ ปัญหาการแบ่งเวลา ปัญหาการเงิน เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้ย่อมส่งผลเสียต่อผลลัพธ์ในการทำงานเป็นทีมและอาจทำให้องค์กรล้มเหลวเพราะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีเทคนิคในการทำงานเป็นทีมที่ดี เพื่อลดปัญหาเหล่านี้

การสร้างทีมงานที่ดีในการทำงานจึงควรให้ความสำคัญกับปัจจัยเหล่านี้ 1) ความไว้วางใจ (Trust) การทำงานในรูปแบบทีมควรเป็นพื้นที่แห่งความสบายใจ ทุกคนควรไว้วางใจซึ่งกันและกัน รู้สึกสบายใจที่จะแบ่งปันความคิดและความคิดเห็นของตนโดยไม่กลัวว่าจะถูกตัดสินหรือตำหนิ 2) การสื่อสาร (Communication) มีช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้สามารถสื่อสารได้อย่างราบรื่น เปิดกว้าง ตรงไปตรงมา 3) ความรับผิดชอบ (Accountability) สมาชิกในทีมควรมีความรับผิดชอบต่อผลงานของตนเองและต่อทีม 4) ความยืดหยุ่น (Flexibility) โลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สมาชิกในทีมจึงต้องมีความยืดหยุ่นและปรับตัวให้เข้ากับ การเปลี่ยนแปลงได้ ต้องสร้างวัฒนธรรมแห่งความยืดหยุ่นให้เกิดขึ้น และ 5) ความหลากหลาย (Diversity) ทีมที่หลากหลายจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น สมาชิกในทีมควรมีความหลากหลายในด้านต่าง ๆ เช่น อายุ ประสบการณ์ และทักษะ เป็นต้น

หากสมาชิกในทีมทุกคนมีความมุ่งมั่นตั้งใจ มีเป้าหมายเดียวกัน และร่วมมือกันทำงานอย่างตั้งใจจริงก็จะทำให้ “ทีมชนะ” มากกว่าแค่ “เราชนะ”  ดังคำกล่าวที่ว่า “ไปคนเดียว ไปได้ไว ไปด้วยกัน ไปได้ไกล” สะท้อนให้เห็นว่าการทำงานคนเดียวอาจทำให้เราสามารถทำงานให้เสร็จได้เร็วกว่า แต่การทำงานร่วมกันจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายได้ไกลกว่าเดิม เนื่องจากการทำงานร่วมกันทำให้เราได้ประโยชน์จากความสามารถและประสบการณ์ของผู้อื่น

หากสมาชิกในทีมทุกคนมีค่านิยมเดียวกันและยึดมั่นจรรยาบรรณในการทำงานเดียวกัน ก็จะยิ่งทำให้เกิดความไว้วางใจซึ่งกันและกันมากขึ้น เมื่อแต่ละคนมีความเชื่อมั่นก็จะพร้อมใจทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริตและยึดมั่นในหลักการเดียวกัน ซึ่งจะนำไปสู่บรรยากาศ
การทำงานที่เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น ตลอดจนลดความขัดแย้งหรือปัญหาในการทำงานอีกด้วย

หากทีมงานให้ความสำคัญกับปัจจัยดังกล่าว ก็จะทำให้ทีมสามารถสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสมาชิกในทีมต่างมีความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างกัน เมื่อนำความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้มารวมกัน ก็จะทำให้เกิดผลงานใหม่ ๆ ที่แปลกใหม่และน่าสนใจยิ่งขึ้น จนนำไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้หรือประสบความสำเร็จในทุกการแข่งขันไม่ว่าจะเป็นระดับตนเอง ทีมงาน หรือองค์กร

การทำงานเป็นทีมให้ประโยชน์หลายประการแก่ผู้คนและองค์กร เช่น ช่วยให้บรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าการทำงานเพียงลำพัง ช่วยให้ผู้คนเรียนรู้และเติบโตจากมุมมองของกันและกัน ช่วยให้ผู้คนสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น และช่วยให้ผู้คนรู้สึกมีคุณค่าและมีส่วนร่วม เป็นต้น

เมื่อการทำงานเป็นทีมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกวงการ หากทุกคนสามารถทำงานเป็นทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะสามารถบรรลุเป้าหมายและประสบความสำเร็จได้แน่นอน

ดังคำว่าที่ว่า ทีมชนะ...เราก็ชนะ เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของทีมนั่นเอง!!!