การเคลื่อนไหวจากถนนหลายสายที่ส่งสัญญาณ คัดค้าน นโยบายเรือธง ของพรรคเพื่อไทยแกนนำรัฐบาล เศรษฐา 1  กำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง และเข้มข้นพร้อมกันในหลายทาง จนหลายฝ่าย อดที่จะจับตา จับอาการ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ไม่ได้ว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร !


 ฝ่ายค้าน ทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคประชาธิปัตย์ ที่แม้จะอยู่ฝ่ายเดียวกัน แต่ต่างคนต่างดำเนินบทบาทของตัวเอง ยังตั้งคำถามไปยังรัฐบาล โดยที่ยังไม่ทันถึงวันเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร อันจะเป็นการเปิดโอกาสให้เดินไปสู่การยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ 


 เมื่อทั้งแกนนำพรรคประชาธิปัตย์และพรรคก้าวไกล ต่างตั้งท่า ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะเสนอ พ.ร.บ.กู้เงิน 5แสนล้านบาท เพื่อนำเงินมาใช้ใน นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต คนละ1หมื่นบาท ทั้งในแง่ที่ว่าการออกร่างพ.ร.บ.กู้เงิน ฉบับนี้จะขัดต่อกฎหมายหรือไม่ ส่วนการอ้าง ความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังวิกฤตินั้น ก็ดูจะสวนทางกับ นักเศรษฐศาสตร์ ไปจนถึง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เคยตั้งข้อสังเกตเอาไว้ก่อนหน้านี้ 


 ขณะที่ ศรีสุวรรณ จรรยา  ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 15 พ.ย.66 ที่ผ่านมา ขอให้ตรวจสอบโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ว่าเข้าข่ายหลอกลวงหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ตามมาตรา 73 (5) (1) ประกอบมาตรา 159 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.พ.ศ. 2561 หรือไม่


 หากผิดจริง จะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจถูกสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกำหนด 20 ปี 
 แต่ประเด็นที่เชื่อว่าลึกๆแล้ว ทั้งคนในพรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอดที่จะกังวลไม่ได้ คือประเด็นเรื่องข้อกฎหมายจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ และล่าสุดยังปรากฏว่ามี เงื่อนไข เพิ่มขึ้นมาใหม่ ว่าเรื่องนี้จะผ่านด่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา หรือไม่ เมื่อถึงวาระต้องพิจารณาร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 5แสนล้านบาท และหากไม่ผ่านขึ้นมา ใคร จะต้องรับผิดชอบ 


 แม้นายกฯเศรษฐา จะแสดงความมั่นใจในเสถียรภาพของ พรรคร่วมรัฐบาล ทั้ง 11 พรรคจะสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้ ด้วยกันอย่างแน่นอน แต่อย่าลืมว่า หากย้อนกลับไปถอดรหัสคำพูดจาก แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ทั้ง อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย  ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังระบุว่าพร้อมสนับสนุนนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1หมื่นบาท เนื่องจากเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน อีกทั้งโดยมารยาททางการเมือง แต่ทั้งนั้นทั้งนี้นโยบายดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อกฎหมายทั้งรัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง 


 ดังนั้นหมายความว่า ภายใต้แรงหนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลใช่ว่า จะไร้ ข้อแม้ เสียทีเดียว ยิ่งเมื่อเวลานี้มีเสียงท้วงติง ดังจากทุกทิศ ทุกทาง จนล่าสุดมีการทวงถาม ความรับผิดชอบ หากรัฐบาลยังคิดที่จะเดินหน้าต่อ จะเกิดอาการสะดุดตามมาหรือไม่ ยิ่งเมื่อวันนี้การตัดสินใจออกพ.ร.บ.กู้เงิน 5แสนล้านบาท ถูกมองว่า นี่คือทางลงที่ดีที่สุด สำหรับนโยบายที่รู้อยู่แล้วว่า เดินต่อไม่ได้ ถอยหลังก็ยังไม่ได้ ดังนั้นการยืมมือ สภาฯ และวุฒิ ไปจนถึงองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ อาจเป็นทางลงที่ดีที่สุด หรือไม่ !?