ภาพความเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่แม้จะดูเงียบงันแต่ไม่ได้หมายความว่า จะไม่อยู่ในสายตา คอการเมือง แต่อย่างใด !

 มีคำถามว่า ความสัมพันธ์ข้ามพรรค แต่ยังยึดโยงในฐานะ มิตรการเมือง ระหว่าง อดีตแกนนำกลุ่มวังน้ำยม นั้นจะเป็นเรืองของอดีตที่ผ่านเลยไป หรือจะมีโอกาส ฟื้นกลับมามี พาวเวอร์ ในวันข้างหน้าอีก 


 เมื่อราวกลางเดือนที่ผ่านมา สมศักดิ์ เทพสุทิน  รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ลงพื้นที่ ที่สุโขทัย เพื่อมอบนโยบายการดำเนินงานโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ภายใต้การดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง พื้นที่ต้นแบบ จังหวัดสุโขทัย ระยะที่ 1
 ในคณะของสมศักดิ์ ยังพบว่ามี เสี่ยแฮ้งค์ อนุชา นาคาศัย  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ร่วมไปด้วย 


 ในมิติของการทำงานย่อม ไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่หากในมิติทางการเมืองแล้วต้องนับว่า น่าสนใจไม่น้อย ว่านี่อาจเป็นการ รวมตัวของ  กลุ่มสามมิตร ซึ่งมี สมศักดิ์ -สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรคเพื่อไทย และรมว.อุตสาหกรรม และ อนุชา  แม้จะอยู่กันละพรรคหรือไม่ ?


 อนุชา ในวันนี้ คือ สส.ชัยนาท สังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล และนั่งในเก้าอี้รมช.เกษตรฯ ซึ่งว่ากันว่าเป็นโควต้าพิเศษจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ


  มีรายงานว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีของอนุชา นั้นเป็นโควต้าจากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เกี่ยวกับโควตาที่จัดสรรจาก หัวหน้าพรรค-เลขาฯพรรค แต่อย่างใด  
 ดังนั้นหากมีการปรับครม.รอบหน้า เก้าอี้รัฐมนตรีในโควต้าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่ต้องลุ้น 
 วันนี้แม้ทั้งสาม จะอยู่ต่างพรรค สมศักดิ์ -สุริยะ อยู่เพื่อไทย  ส่วน อนุชา อยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ ความสัมพันธ์แนบแน่น ทั้งส่วนตัวและในทางการเมือง ยังคงเหนียวแน่น เหมือนเดิม 


 ความสัมพันธ์ข้ามพรรค แต่เป็น ขั้วเดิม ทั้ง สมศักดิ์ -สุริยะและอนุชา ณ เวลานี้คือภาพสะท้อนความเหนียวแน่น  ของมิตรการเมือง ส่วนจะพัฒนาไปสู่การต่อรอง อย่างใด อย่างหนึ่งทางการเมืองในวันข้างหน้าหรือไม่ ยังไม่มีใครตอบได้ !?


 เพราะอย่าลืมว่า อีกด้านหนึ่ง การดำรงอยู่ของสมศักดิ์ และสุริยะ ในพรรคเพื่อไทย เมื่อภายหลังที่ทั้งคู่กลับมาสังกัดพรรคเพื่อไทยก่อนการเลือกตั้ง ครั้งล่าสุด ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่ บางกลุ่ม บางขั้วอำนาจในพรรคเพื่อไทย จะยินดีและพึงพอใจ ยิ่งเมื่อทั้งสมศักดิ์ และสุริยะ ยังได้เก้าอี้รัฐมนตรี ไปถึง 2ตำแหน่ง !